การท่าฯ ภูเก็ตขอ 5เดือน สารพัดปัญหาคลี่คลายแน่
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2561 นายเพ็ชร ชั้นเจริญ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต พร้อมด้วย เรือตรีธานี ช่วงชู รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต (สายสนับสนุนธุรกิจ) เรืออากาศโทสัมพันธ์ ขุทรานนท์ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต (สายปฏิบัติการและบำรุงรักษา) พ.ต.อ.จิระศักดิ์ เสียมศักดิ์ ผู้กำกับการ สภ.สาคู ร่วมกันแถลงข่าวการดำเนินงานของท่าอากาศยานภูเก็ต โดยมีนางกนกกฤติกา กฤษวุฒิกร ผอ.ททท.สำนักงานภูเก็ต นายภูริต มาศวงศ์ศา ตัวแทนจากสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต หอการค้า หน่วยงานราชการ ผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต และสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมบูกิตตา โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท
นายเพ็ชร ชั้นเจริญ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต กล่าวว่า ทางการท่าอากาศยานภูเก็ต ต้องทำความเข้าใจกับประชาชน และผู้ใช้บริการ รวมทั้งผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวทุกท่าน และรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ รวมไปถึงการสร้างความเข้าใจอันดีให้กับบุคคลภายนอก เนื่องจากในปัจจุบันท่าอากาศยานภูเก็ต อยู่ระหว่างการปรับปรุง จึงส่งผลให้ผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานภูเก็ตไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร เรื่องนี้ท่าอากาศยานภูเก็ตไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เร่งดำเนินการปรับปรุงให้แล้วเสร็จอย่างเต็มที่ แต่ที่เกิดความล่าช้าและก่อให้เกิดความไม่สะดวกต่อผู้โดยสารและผู้ใช้บริการ
เนื่องจากเป็นการปรับปรุงควบคู่ไปกับการให้บริการ ประกอบกับในช่วงของการปรับปรุงนี้ จำนวนผู้โดยสารเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างกรณีในวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ท่าอากาศยานภูเก็ตมีจำนวนผู้โดยสารรวมถึง 65,496 คน เพิ่มขึ้นจากวันเดียวกันของปี 2560 ร้อยละ 21.43 และจำนวนเที่ยวบินตามตารางบิน 367 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินจริง 363 เที่ยวบิน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.95 จึงทำให้เกิดความแออัดภายในท่าอากาศยานภูเก็ตเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการแก้ปัญหาความแออัดที่เกิดขึ้น ท่าอากาศยานภูเก็ตจะเร่งปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภายในประเทศเฟสที่ 2 ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิ.ย. 2561 นี้ และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาระหว่างที่กำลังปรับปรุงนั้น จะมีการปรับแผนการเปิดใช้อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ จากเดิมที่จะเปิดใช้หลังปรับปรุงเสร็จทั้งหมดในเดือน มิ.ย.นี้ มาทยอยเปิดใช้พื้นที่เป็นระยะๆ โดยในวันที่ 14 ก.พ.นี้ จะมีการเปิดใช้พื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 3,000 ตรม.รองรับผู้โดยสารได้อีก 500 ที่นั่ง และในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้จะมีการเปิดใช้สะพานเทียบอากาศยานอีก 2 สะพาน คือ สะพานที่ 6 และ 7 จากที่ขณะนี้เปิดใช้อยู่ 3 สะพาน เป็น 5 สะพาน จะช่วยลดความแออัดได้อีกมาก และในช่วงตรุษจีนที่จะถึงนี้ จะมีเที่ยวบินเข้ามาลงที่ท่าฯภูเก็ตไม่ต่ำกว่า 400 เที่ยว ผู้โดยสารไม่ต่ำกว่า 70,000 คน/วัน ทางท่าฯภูเก็ตได้วางแผนประชุมร่วมกับทางสายการบินไว้แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความแออัดจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มสูงขึ้นมาก
นายเพ็ชร กล่าวอีกว่า ทางท่าอากาศยานภูเก็ต ขอเวลาอีกประมาณ 5 เดือน หลังจากปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภายในประเทศเฟสที่ 2 แล้วเสร็จในเดือน มิ.ย.ที่จะถึงนี้ จะทำให้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ลดน้อยลงไปอีกมาก ทางการท่าฯจึงขออภัยผู้โดยสารที่ไม่ได้รับความสะดวกสบายไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย และหากผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวก สามารถที่จะร้องเรียนหรือแนะนำการใช้บริการของท่าฯภูเก็ต ได้ที่ 1722 หรือ 076-351111 หลังจากรับเรื่องแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเข้าไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที และท่าฯภูเก็ตไม่ได้มีการกีดกัดไม่ให้มีการร้องเรียนแต่อย่างใด พร้อมที่จะรับฟังปัญหาความไม่สะดวกสบายของผู้โดยสารเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นทุกเวลา ส่วนกรณีปัญหาราคาสินค้าภายในท่าอากาศยานราคาแพงนั้น ในส่วนของการท่าฯภูเก็ตได้มีการกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาไม่ให้ราคาแพงเกินความเป็นจริง โดยเน้น 3 ประเด็นหลัก คือ 1.สินค้าทุกชนิดที่จำหน่ายภายในท่าอากาศยานภูเก็ต จะต้องติดป้ายแสดงราคาอย่างชัดเจน 2.ราคาสินค้าจะต้องไม่สูงเกิน 20% ของราคาสินค้าที่จำหน่ายอยู่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำของภูเก็ต และ 3.นำดื่มจะต้องมีขนาดปริมาตรประหยัด ราคาไม่เกิน 10 บาท จำหน่ายอยู่ด้วย เพื่อสร้างทางเลือกให้ผู้โดยสาร รวมถึงมาม่าราคาไม่เกิน 70 บาท และกำลังเจรจาให้เหลือ 50 บาท นอกจากนี้ยังมี “ฟู้ดคอร์ส” ที่บริเวณชั้น 3 ของอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ราคาอยู่ที่ 70-100 บาท ผู้โดยสารสามารถเลือกรับประทานได้ ซึ่งมาตรการทั้งหมดนี้จะช่วยแก้ปัญหาราคาสินค้าในท่าอากาศยานแพงได้
ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาการลักขโมยทรัพย์สินของผู้โดยสารภายในสนามบินว่า เรื่องนี้ ทางท่าอากาศยานภูเก็ตได้ร่วมกับทางสถานีตำรวจสาคู และสายการบิน ดำเนินการแก้ปัญหาในเชิงรุก และคุมเข้มเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปปฏิบัติหน้าดังกล่าวอย่างเข้มงวด มีการสุ่มตรวจ ซึ่งที่ผ่านมาสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้หลายราย และจะมีการแก้ไขในส่วนของ TOR สำหรับบริษัทจัดจ้างที่มารับผิดชอบในเรื่องของการขนกระเป๋าเดินทางขึ้นเครื่อง หากยังปล่อยปละละเลยให้เกิดปัญหาขึ้นอีก ก็จะยกเลิกสัญญาทันที รวมไปถึงจะมีการติดตั้ง cctv เพิ่มเติมอีกด้วย
นายเพ็ชร กล่าวอีกว่า เมื่อสิ้นปี 2560 ที่ผ่านมา ท่าอากาศยานภูเก็ตมีผู้โดยสารเกิน 18 ล้านคนแล้ว ในขณะที่โครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ตด้วยงบกว่า 5,000 ล้านบาท (ปี 2553-2557) สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 12.5 ล้านคน บริษัท ท่าอากาศยานไทย ได้วางแผนที่จะพัฒนาท่าฯภูเก็ตเพิ่มเติมในเฟสที่ 2 (ปี 2565) ให้สามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มสูงขึ้น โดยกำหนดแผนการพัฒนาระยะที่ 2 ให้แล้วเสร็จในปี 2565 ในบริเวณพื้นที่ที่เป็นบ้านพักของพนักงานการท่าฯ ทำการสร้างหลุมจอดและอาคารผู้โดยสารเพิ่ม เพื่อรองรับผู้โดยสารจาก 12.5 ล้านคนเป็น 18 ล้านคน ซึ่งจะดำเนินการในเร็วๆ นี้ ให้ทันกับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ด้วยการที่ภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ก่อนหน้านี้ การท่าอากาศยานภูเก็ตประสบปัญหาความวุ่นวายในหลายๆ เรื่อง ซึ่งทุกเรื่องล้วนทำลายภาพพจน์ทางการท่องเที่ยวทั้งสิ้น อย่างกรณีเกิดเหตุพนักงานขนกระเป๋าของบริษัทที่เข้ามารับช่วงในการบริหารจัดการ ขโมยทรัพย์สินในกระเป๋าของผู้โดยสาร และ คลังสินค้า ซึ่งล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานภูเก็ต ร่วมกับตำรวจ สภ.สาคู ตำรวจท่องเที่ยว ทหาร จับกุมได้พร้อมของกลาง ซึ่งนายเพชรกล่าวว่า ในส่วนของท่าอากาศยานภูเก็ต ไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมามีการ ดำเนินการอย่างเข้มงวดในจุดที่ มีการขนกระเป๋าก่อนขึ้นเครื่อง ก่อนหน้านี้จะมีเหตุเกิดขึ้น กลุ่มคนที่ทำความผิดเปลี่ยนไปก่อเหตุในจุดที่เป็นคลังสินค้าแทน ซึ่งล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบ และจับกุมพนักงานที่ก่อเหตุดำเนินคดีไปแล้ว 3 ราย
นายเพ็ชร กล่าวต่อไปว่า การป้องกันในส่วนของการท่ามีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่ม มีการจัดชุดผสมร่วมออกตรวจ และสุ่มตรวจตลอดเวลา ซึ่งชุดตรวจผสมร่วมมีทั้งเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยาน ตำรวจภูธร ตำรวจท่องเที่ยว ทหารเรือ ทหารบก และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นการสนธิกำลังร่วมกันทำงาน ที่ผ่านมาการดำเนินการสามารถทำได้ผลในระดับหนึ่ง สามารถลดปัญหาในบางจุดไปได้ แต่ก็ยังพบการกระทำความผิดอยู่ เพราะฉะนั้นถ้ายังมีการกระทำ ความผิดของพนักงานในส่วนของผู้ประกอบการที่เข้ามาทำงานในสนามบิน ทางท่าอากาศยานภูเก็ตก็ต้องเรียกผู้ประกอบการทุกราย มาทำความเข้าใจ และร่วมมือกันแก้ไขปัญหา เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีก เพราะถือว่าเป็นการทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างร้ายแรง รวมทั้งเป็นการทำลายชื่อเสียงของจังหวัดภูเก็ต และประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ผู้ประกอบการเองจะต้องร่วมรับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้น และจะต้องแก้ปัญหาในการรับคนเจ้าทำงาน บริษัทจะต้องมีมาตรการ
อย่างไรก็ตามถ้ามีการพูดคุยแล้ว ยังไม่มีการแก้ปัญหาปล่อยให้พนักงานทำผิด มีเหตุเกิดขึ้นซ้ำซากก็อาจจะต้องมีการพิจารณาเรื่องเงื่อนไขในสัญญา เพราะในร่าง TOR จะมีระบุอยู่แล้วว่าจะต้องไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ ของท่าอากาศยาน ซึ่งจะต้องดูในรายละเอียดเรื่องนี้อีกที เพราะถ้ายังมีการกระทำความผิดก็คงจะต้องมีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดกันต่อไป “เชื่อว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ที่ผ่านมา มีการแก้ไขปัญหากันมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นหลังจากนี้จะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ถ้ามีเกิดขึ้นในส่วนของบริษัทที่จ้างงานคนเหล่านี้ และปล่อยให้มากระทำความผิด มาทำลายชื่อเสียงเมืองท่องเที่ยว ทำลายชื่อเสียงของประเทศก็จะต้องออกมารับผิดชอบ ไม่ใช่ปล่อยผ่าน จับกุมแล้วก็ดำเนินคดีกันไป ถ้าเป็นแบบนี้ก็แก้ปัญหาไม่จบ คนที่จ้างมาก็จะต้องมีมาตรการในการควบคุมดูแล และรับผิดชอบ เพราะถ้ายังมีเกิดขึ้นอีกหลังจากมีการพุดคุยกันแล้ว ก็จะต้องมีการพิจารณาเรื่องการยกเลิกสัญญา”