คณะกรรมการชุดพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลเหตุเรือล่ม จ.ภูเก็ต เผยการทำงานเป็นไปตามหลักสากล มีความถูกต้อง 100 %
จากเหตุการณ์เรือล่มกลางทะเลภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตจำนวน 47 ราย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคเอกชน หน่วยงานต่างๆ รวมถึงคณะกรรมการชุดพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลที่มีการดำเนินการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลผู้เสียชีวิต จำนวน 47 ราย จากเหตุการณ์ดังกล่าวให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลและมีความถูกต้อง 100%
เมื่อวันที่ 16 ก.ค.61 เวลา 14.30 น. ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมลีลาวดี โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต พล.ต.ต.ชลิต ถิ่นธานี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 พร้อมด้วย พล.ต.ต. ปรีดี พงศ์เศรษฐสันต์ รองผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ / หัวหน้าชุดพิสูจน์เอกลักษณ์, พล.ต.ต. ภวัต ประทีปวิศรุต ผู้บังคับการสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ, พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต,พ.ต.อ. นพดล กันตะกนิษฐ์ รองผู้บังคับการ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 และ นายแพทย์เลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวถึงผลการดำเนินงานในการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลกรณีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่มในจังหวัดภูเก็ต
พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การแถลงข่าวในครั้งนี้อยากจะขอความร่วมมือสื่อมวลชนช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับกระบวนการในการชันสูตรพลิกศพและกระบวนการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล โดยการดำเนินการ ตลอด 12 วันที่ผ่านมา ทีมพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลได้ดำเนินการ โดยให้ความสำคัญกับการยึดถือมาตรฐานและขั้นตอนตามหลักการชันสูตรพลิกศพและกระบวนการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลที่มีความเป็นสากลและเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานที่กำหนด เพื่อสร้างความเชื่อถือให้กับญาติที่รับศพและนานาชาติ สำหรับการทำงานในครั้งนี้ ถือเป็นภาวะวิกฤตผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวต่างชาติทำให้การทำงานมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก ยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับ แต่ด้วยการทำงานที่มีการประสานกันเป็นอย่างดี ทั้งในส่วนของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตและการสนับสนุนจากทีมพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลจาก สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ, ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 และสถาบันนิติเวชมาช่วยดำเนินการจึงทำให้การพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีมาตรฐานสากล
ด้าน พล.ต.ต. ปรีดี พงศ์เศรษฐสันต์ รองผู้บัญชาการ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ/หัวหน้าชุดพิสูจน์เอกลักษณ์ กล่าวว่า การดำเนินงานพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลในครั้งนี้ ได้จัดทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการพิมพ์ลายนิ้วมือ พิสูจน์หลักฐาน ทั้งจากโรงพยาบาลตำรวจและทีมทันตแพทย์ จากกระทรวงสาธารณสุข มาร่วมดำเนินการ ในกระบวนการทำงาน เพื่อพิสูจน์เอกลักษณ์ จำนวน 47 ราย โดยใช้หลักการทำงานตามหลักมาตรฐานสากล โดยแบ่งการทำงานเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 การดึงข้อมูลจากญาติพี่น้อง ประกอบด้วยข้อมูลด้านรูปประพันธ์สัณฐาน ส่วนที่ 2 เป็นข้อมูลจากร่างผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งได้ประสานขอข้อมูลประวัติลายนิ้วมือจากรัฐบาลจีน มาใช้ในการเปรียบเทียบเอกลักษณ์บุคคล ทั้งนี้ ในกรณีที่มีความซับซ้อนสภาพศพมีความไม่สมบูรณ์ก็จะนำกระบวนการพิสูจน์ด้าน DNA มาใช้ในการยืนยัน ผู้เสียชีวิตประกอบด้วย เพื่อให้การพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลมีความถูกต้องและแม่นยำ โดยเมื่อทำการพิสูจน์เอกลักษณ์ยืนยันตัวบุคคลได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะส่งมอบร่างผู้เสียชีวิตให้กับคณะกรรมการปล่อยศพเพื่อดำเนินการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตให้กับญาติของผู้เสียชีวิตนำไปดำเนินการตามประเพณีต่อไป
ขณะที่ นายแพทย์เลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวว่า โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตได้จัดเป็นศูนย์ One stop service เพื่อดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์เรือล่ม ในเบื้องต้นการปฏิบัติงานโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตได้มีแพทย์วิทยาศาสตร์ฉุกเฉินดำเนินการทำงานร่วมกับทีมนิติวิทยาศาสตร์จากโรงพยาบาลตำรวจ นอกจากนี้โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตและทำงานใน 3 ส่วนหลักประกอบด้วย การพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล, การดำเนินการเป็นจุดรับลงทะเบียนช่วยเหลือญาติ ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ และการประสานงานด้านการต่างประเทศทั้งกับสถานกงสุลจีน รวมไปถึงการอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด
นอกจากนี้ พล.ต.ต.ชลิต ถิ่นธานี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 ได้กล่าวปิดท้าย ขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินงานครั้งนี้ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยให้การพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สำหรับการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารหลักฐานและการสอบพยานที่เกี่ยวข้อง โดยทุกคดีจะต้องมีความรวดเร็วถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรม ภายใต้ระเบียบข้อกฎหมายต่อไป