ท่าเรือน้ำลึกอ่าวขามได้ผู้บริหาร จ่าย 345 ล้าน ใช้รับเรือสำราญยักษ์
ในที่สุดการพัฒนาปรับปรุงขยายท่าเรือน้ำลึกอ่าวขาม ภูเก็ต ก็ลงเอยแล้ว โดย “กรมธนารักษ์” ได้ตัดสินใจให้ “บริษัทภูเก็ตดีพซีพอร์ต” เป็นผู้ลงทุน และบริหารจัดการด้วยการเสนอให้ผลประโยชน์ด้วยตัวเลขสูงถึง 345 ล้าน ระยะเวลา 30 ปี สูงกว่าเงื่อนไขที่ตั้งไว้ ทั้งยังมีเป้าหมายลงทุนขุดลอก และขยายหน้าท่า พร้อมปรับปรุงบริเวณลานจอดรถ รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก ใช้เวลาก่อสร้างแค่ 18 เดือน เสร็จทันหน้าไฮปลายปี 62 รองรับเรือสำราญขนาดยักษ์เป็นแห่งแรกของภาคใต้ สนองนโยบายรัฐที่จะให้ไทยเป็นศูนย์การท่องเที่ยวทางทะเล
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ได้ลงนามในสัญญาให้บริษัทภูเก็ต ดีพ ซี พอร์ต จำกัด เป็นผู้รับสิทธิลงทุนและบริหารจัดการท่าเรือภูเก็ตเป็นระยะเวลา 30 ปี เพื่อพัฒนาจากท่าเรือร้างเป็นท่าเรือสำหรับท่องเที่ยว รองรับเรือสำราญขนาดใหญ่เป็นแห่งแรกของภาคใต้ และแห่งที่สองของประเทศไทยต่อจากท่าเรือแหลมฉบัง และช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในพื้นที่ และผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวทางน้ำตามนโยบายของรัฐบาล
“โครงการนี้มีการดำเนินการมานานกว่า 2 ปี โดยผู้ชนะการประมูลเป็นบริษัทภูเก็ต ดีพ ซีพอร์ต ซึ่งเสนอค่าธรรมเนียมการจัดหาผลประโยชน์มาให้กรมฯ สูงสุดที่ 345 ล้านบาท มากกว่าเงื่อนไขที่กรมกำหนด 139 ล้านบาท และยังมีแผนลงทุนพัฒนาอีกกว่า 132 ล้านบาท เพื่อขยายหน้าท่าเรือ สร้างอาคารผู้โดยสาร การขุดเพิ่มความลึกล่องน้ำ และปรับปรุงลานจอดรถอีก ซึ่งจะรองรับนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักจากต่างชาติได้ เพราะปกติคนที่โดยสารมาทางเรือสมุทรขนาดใหญ่จะมีกำลังการใช้จ่ายสูงกว่าทางเครื่องบินมาก”
นายวัลลภ พงษ์เลื่องธรรม ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ภูเก็ต ดีพ ซี พอร์ต จำกัด กล่าวว่า การลงทุนพัฒนาท่าเรือภูเก็ตระยะแรกจะใช้เงินกว่า 132 ล้านบาท เพื่อทำการขยายหน้าท่าให้มีความกว้างขึ้นอีก 60 เมตร จากปัจจุบัน 360 เมตร เป็น 420 เมตร ซึ่งจะช่วยให้รองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ซึ่งบรรทุกนักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้นจากลำละ 2,500 คน เพิ่มเป็น 8,000 คนต่อเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวทางเรือสมุทรได้ไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี จากปัจจุบันที่มีเดินทางเข้ามา 2-3 แสนคนต่อปี
“ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการหลายรายสนใจเดินเรือเข้ามาไทย แต่มาไม่ได้เพราะท่าเรือใหญ่ไม่พอ ดังนั้นแผนการพัฒนาท่าเรือแห่งนี้จะทำเป็นท่าเรือสำราญขนาดใหญ่แห่งแรกในฝั่งอันดามันของไทย ช่วยเพิ่มโอกาสทางการท่องเที่ยวได้อีกมาก โดยคาดว่าใช้เวลาก่อสร้าง 18 เดือน ทำเสร็จและเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวได้ทันฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี 2562 และจากการที่บริษัทไปโรดโชว์ล่วงหน้ามาหลายแห่ง ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้เดินเรือสำราญจากทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น จีน ฮ่องกง เกาหลี สิงคโปร์ ตลอดจนเรือสำราญจากยุโรป หรือแม้แต่ไมอามีจากสหรัฐอเมริกา ที่เข้ามาจองล่วงหน้าเต็มไปถึงปี 2563-2564”