ยิงสนั่นกลางผับ“ฮอลลีวู๊ด” 2นัดเจ็บสาหัสสั่งปิดแค่7วัน
“ป่าตอง” สะเทือนอีก แดนสวรรค์ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่สถานบันเทิงต่างวิ่งเต้นเรียกร้องขอสิทธิเปิดให้บริการโต้รุ่งถึงตี 3 เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ว่ากันว่า ชอบออกตระเวนราตรีหลังเที่ยงคืนไปแล้ว เกิดปะทะยิงกันกลางผับดัง “ฮอลลีวู๊ด” บางลา แหล่งโลกีย์ ที่ลือชื่อ 2 นัดซ้อน สนั่นกลางดึก หามส่งโรงพยาบาล อาการสาหัส มือปืนเผ่นหนีตามระเบียบ หลักฐานกล้องวงจรปิด พบคู่กรณีเป็นหนุ่มนักเที่ยวไทยในพื้นที่ ไม่ใช่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ตำรวจใช้มาตรการบีบคั้นจนผู้ต้องหาเข้ามอบตัวในบ่ายวันเดียวกัน รับสารภาพนั่งโต๊ะใกล้กัน เต้นดิ้นสวิงจนเหยียบตีน เขม่นมองหน้ากันหลายครั้ง เมื่อผับเลิก ลุกเดินกระทบไหล่ เลยชักปืนยิงใส่ทันที ก่อนหลบหนีเอาปืนไปโยนทะเล ตำรวจตั้งข้อหาพกพาอาวุธปืน และยิงปืนในที่สาธารณะ สถานบันเทิง ตามหมายจับศาลภูเก็ต ส่วนผับ “ฮอลลีวู๊ด” ถูกสั่งปิดแค่ 7 วัน เปิดบริการต่อ
เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.ของวันที่ 12 ตุลาคม พ.ต.ท.ปฐพี ศรีชาย สว.(สอบสวน) สภ.ป่าตอง ได้รับแจ้งเหตุ มีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และถูกนำตัวไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลป่าตอง โดยเหตุเกิดที่ผับชื่อดังในซอยบางลา ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และประสานเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สายตรวจ และงานจราจร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งตรวจค้นบุคคล และยานพาหนะในเส้นทางต่างที่คาดว่าคนร้ายใช้หลบหนี
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเป็นสถานบริการ อยู่ภายในซอยบางลา ลักษณะเป็นอาคาร 2 ชั้น ที่เกิดเหตุอยู่ชั้นที่ 2 มีทางขึ้น-ลง 2 ทาง คือ บันไดด้านหน้า และบันไดด้านหลัง ภายในร้านมีลักษณะเป็นอาคารโปร่ง มีโต๊ะ เก้าอี้สำหรับให้ลูกค้านั่ง มีเวที จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณโต๊ะด้านหน้าทางขวา ของเวที พบคราบเลือดอยู่ที่พื้น ปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 2 ปลอก ส่วนคนที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บและ ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลป่าตองก่อนหน้านี้ คือนายพงษ์วริษฐ์ ทิพย์ธารา อายุ 27 ปี ถูกยิงที่บริเวณน่อง 1 นัด และแผ่นหลัง 1 นัด แพทย์ทำการรักษาในเบื้องต้นและส่งต่อไปยังโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
สอบถามเพื่อนผู้ได้รับบาดเจ็บ ทราบว่า ผู้บาดเจ็บกับเพื่อนได้ไปเที่ยวที่ผับดังกล่าว เมื่อร้านปิด นักเที่ยวซึ่งนั่งอยู่โต๊ะใกล้กันเดินผ่านโต๊ะของผู้บาดเจ็บ และเดินชนกับผู้บาดเจ็บ จมมีการมองหน้ากัน จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ชักอาวุธปืนออกมายิง โดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปทันที ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ และ เส้นทางหลบหนี เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.ทัศนัย โอฬาริกเดช ผกก.สภ.ป่าตอง กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ และตรวจสอบกล้องภายในที่เกิดเหตุจนสามารถรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว และเตรียมให้พนักงานสอบสวนขอศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด สำหรับปมการยิงในครั้งนี้ เป็นเหตุซึ่งหน้าเขม่นกันในร้าน และจะติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด
หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ทัศนัย โอฬาริกเดช ผกก.สภ.ป่าตอง ได้เรียกประชุมด่วนชุดสืบสวนสภ.ป่าตองพร้อมได้สั่งการลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและสอบปากคำพยานแวดล้อม จนกระทั่งทราบตัวผู้ก่อเหตุ คือ นายมนัส พงศ์ศุภกิจ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/97 ถ.ราชปานุสรณ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พร้อมให้พนักงานสอบสวนสภ.ป่าตองขอศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับ
พ.ต.อ.ทัศนัย กล่าวว่า หลังจากที่ทราบตัวผู้ก่อเหตุทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ป่าตอง ได้ใช้มาตรการกดดันมือปืนผู้ก่อเหตุอย่างหนัก บีบคั้นให้เข้ามามอบตัว จนกระทั่งเมื่อเวลา 15.00 น. ของวันเดียวกัน นายมนัส พงศ์ศุภกิจ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/97 ถ.ราชปานุสรณ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ตพร้อมญาติ ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับ พ.ต.ท.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง รองผกก.สส.สภ.ป่าตอง ได้ทำการสอบปากคำ พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหา “พยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งมิใช่กรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน, พกอาวุธปืนเข้าไปในสถานบริการ” ตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ตที่ 647/2560 ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2560
จากการสอบสวน นายมนัส ฯ ผู้ต้องหาให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนและผู้บาดเจ็บคู่กรณี ได้ดื่มและเต้นอยู่โต๊ะติดกัน มีการกระทบกระทั่งในลักษณะของการเหยียบเท้ากันหลายครั้ง จนนำไปสู่ความไม่พอใจ ต่อมาเมื่อผับเลิกร้านปิด ตนจึงได้ใช้อาวุธปืนพกสั้น กึ่งออโตเมติก ขนาด 9 มม.ยิงไปที่ผู้เสียหายจำนวน 2 นัด ก่อนหลบหนีออกจากผับไป และได้นำปืนไปทิ้งในทะเล
สำหรับผับ “ฮอลลีวู๊ด” สถานที่เกิดเหตุยิงกันดังกล่าว ทราบว่าเป็นของ นักธุรกิจชื่อดังในพื้นที่ป่าตอง และเจ้าหน้าที่ได้สั่งปิดกิจการเป็นเวลา 7 วัน เป็นการลงโทษแล้ว สำหรับเรื่องนี้ทางสื่อมวลชนหลายฉบับไม่กล้าที่จะนำเสนอข่าวเนื่องจากมีนักข่าวบางคนพยามวิ่งเต้นเพื่อปิดข่าว ซึ่งทำให้สื่อหลายฉบับไม่ปลื้มที่นักข่าวบางคนจะพยายามปิดข่าวเรื่องนี้ทั้งที่เป็นข่าวใหญ่
