รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้ากรณีปัญหาต่างๆ ด้าน มท. เน้นย้ำกำชับให้ทุกหน่วยปฏิบัติตามกฎหมายและใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้ากรณีปัญหาต่างๆ ด้าน มท. เน้นย้ำกำชับให้ทุกหน่วยปฏิบัติตามกฎหมายและใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้ากรณีปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดย มท. กำชับเน้นย้ำให้ทุกหน่วยปฏิบัติตามกฎหมายและใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์การเป็นเมืองท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต
วันที่ 9 มีนาคม 2567 ห้องประชุมมุกอันดา ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายศรัณย์ศักด์ ศรีเครือเนตร รองอธิบดีกรมการปกครอง นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมแถลงข่าวการติดตามความคืบหน้ากรณีปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้รับมอบหมายจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ให้ความเป็นห่วงกับกรณีปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น โดยกำชับให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติตามกฎหมายและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยให้ยึดการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งจากการติดตามในทุกเรื่องที่เป็นประเด็นปัญหา ทราบว่าทุกหน่วยได้มีการดำเนินการตรวจสอบและมีความคืบหน้าแล้วในทุกประเด็น และได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เร่งรัดในการดำเนินการให้ทุกประเด็นมีความเรียบร้อยโดยเร็วที่สุด เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มองถึงความสงบเรียบร้อยที่จะส่งผลให้การท่องเที่ยวฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว และจังหวัดภูเก็ต เป็นเมืองท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาล และเป็นเมืองที่ทำรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก
ทางด้าน นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากกรณีประเด็นข่าวที่ประชาชนให้ความสนใจเกี่ยวกับการกระทำของชายชาวสวิตเซอร์แลนด์ กรณีทำร้ายร่างกายแพทย์หญิงชาวไทย ขณะอยู่ขั้นตอนกระบวนการของการดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนประเด็นวิลล่าที่มีการก่อสร้างรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ ทางเทศบาลตำบลป่าคลอกได้แจ้งความดำเนินคดี และมีการรื้อถอนในส่วนที่มีการรุกล้ำพื้นที่สาธารณะเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้น ในส่วนกรณีวีซ่าของชายชาวสวิตเซอร์แลนด์ ตม. ได้เพิกถอนวีซ่าเป็นที่เรียบร้อยแล้วและกำลังเข้าสู่คณะกรรมการฯพิจารณาการขอยื่นอุทรณ์ของชายชาวสวิตเซอร์แลนด์ ที่ขณะนี้ได้ขอยื่นประกันตัว โดยเจ้าหน้าที่ได้กำหนดให้อยู่ในพื้นที่และห้ามออกนอกพื้นที่ และให้มารายงานตัวทุก 15 วัน
ทางด้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ยังกล่าวถึงการตรวจสอบมูลนิธิ กรีน อีเลเฟนท์ ไวด์ไลฟ์ ที่มีการจดทะเบียนถูกต้อง และมีการชำระภาษีถูกต้อง โดยยกเว้นภาษีปี 2566 ที่ยังไม่ดำเนินการ และในส่วนของโลโก้ ของมูลนิธิ และโลโก้ของปางช้าง ที่มีลักษณะเหมือนกัน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบ ว่ามีมูลเหตุของการนำมูลนิธิไปใช้ประโยชน์หรือไม่ โดยได้แจ้งให้มูลนิธิฯ ทำการชี้แจงมาภายใน 30 วัน ซึ่งหากพบการกระทำผิด จะดำเนินการตามข้อกฎหมายทันที
ส่วนประเด็นของปางช้างซึ่งมีกฎหมายหลายฉบับ โดยทราบว่ามีการจดทะเบียนพาณิชย์ ซึ่งได้ให้ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดภูเก็ต ตรวจสอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมด โดยปางช้างมีช้างในการครอบครอง 14 เชือก 13 เชือกเป็นช้างที่เช่ามา อีก 1 เชือก เป็นช้างที่ซื้อมา และจากการตรวจสอบมีเอกสารเช่าและซื้อขายถูกต้อง และทุกตัวมี ไมโครชิพ
นอกจากนั้น ในส่วนของประเด็นปัญหาการครอบครองปืนจำนวน 2 กระบอก ทั้งของส่วนของบุคคลโดยชายชาวสวิตเซอร์แลนด์ และของมูลนิธิ ทางสำนักทะเบียนอำเภอถลาง ได้ตรวจสอบพฤติกรรมและอิงตามหลักฐานของ ตม. จึงได้เพิกถอนทะเบียนอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอกแล้ว และกรณีข้อสงสัยของการฟอกเงิน ทาง DSI จะมาตรวจสอบในวันที่ 15 มีนาคม 2567
ส่วนทางด้าน พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า กรณีการปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ตามข้อสั่งการ ทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้ตั้งศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดของบุคคลต่างด้าวทั้งที่เข้ามาท่องเที่ยวและประกอบธุรกิจ โดยจะมีการเพิ่มช่องทางการแจ้งเบาะแส ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และในห้วงเวลาสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการบูรณาการกวาดล้างปราบปรามการกระทำความผิดของชาวต่างชาติ สามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติได้ทั้งหมด 33 คน เป็นชาวรัสเซีย 11 คน เมียนมา 5 คน โดยส่วนใหญ่เป็นคดีทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตและใบอนุญาตให้พำนักในพื้นที่หมดอายุ รวมทั้งคดีอาชญากรรมและยาเสพติด พร้อมกันนี้ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุก สภ.เข้มงวดกวดขันการกระทำผิดทุกประเภท พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปราม ผู้ที่ฝ่าฝืนกระทำผิดกฎหมายในทุกพื้นที่ เพื่อความสงบสุขของประชาชนและพร้อมอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว