รองโจ๊ก ลงภูเก็ตให้กำลังใจเหยื่อเรือล่มย้ำเป็นนอมินีจัดการเด็ดขาด

         รองผู้บัญชาการท่องเที่ยวตำรวจท่องเที่ยว ลงภูเก็ต ให้กำลังใจนักท่องเที่ยวที่บาดเจ็บ และญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุเรือล่ม ย้ำตรวจสอบบริษัทเรือ บริษัทนำเที่ยวหากพบเป็นนอมินี พร้อมจัดการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด

         เมื่อวันที่​ 6 ก.ค.61​ เวลา​ 17.30​ น.​ ที่ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและคณะเดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และญาติผู้ประสบเหตุเรือล่ม และร่วมตรวจสอบปากคำเจ้าของเรือฟินิกซ์ ไดร์ฟวิ่ง ณ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต

         พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาพร้อมกับผู้ช่วยเอกอัครราชทูตจีนและผู้ช่วยเอกอัครราชทูตรัสเซีย จากสถานเอกอัครราชทูตจีนและรัสเซีย เพื่อมาติดตามการให้การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเรือล่ม ว่าประเทศไทยได้ให้การดูแลคนประเทศของเขาดียังไง ฉะนั้นวันนี้ในเรื่องของความร่วมมือในส่วนของการช่วยเหลือ ตำรวจท่องเที่ยวได้เติมเต็มด้วยการจัดล่ามภาษาจีน อังกฤษ และภาษารัสเซียมาประจำที่โรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อช่วยเหลือเรื่องการสื่อสารกับทางโรงพยาบาล

         วันนี้สิ่งสำคัญที่จะเตรียมรับคือญาติของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ที่จะหลั่งไหลเดินทางเข้ามา เพราะฉะนั้นวันนี้เกิดเหตุแล้ว แต่สิ่งสำคัญกว่า คือการดูแลเยียวยา ทำให้เขาเกิดความประทับใจ เราไม่สามารถห้ามไม่ให้เหตุเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องทำหลังเกิดเหตุ คือการสร้างความอุ่นใจให้เขามั่นใจ วันนี้ที่ตนเอาผู้ช่วยฯ ทูตจีนและรัสเซียเดินทางมา เรียนว่าไม่มีอะไรดีกว่าเอาคนประเทศของเขามาเยี่ยมคนประเทศของเขาเอง พร้อมทั้งรายงานประเทศของเขาไปว่า คนไทยดูแลคนของเขาดียังไง

         ส่วนในเรื่องการกู้ชีพต่างๆ ขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้สั่งการอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องของการตรวจสอบการดำเนินคดี เป็นสิ่งที่เราต้องนำไปดำเนินการต่อ เรื่องของการดูแล เรือเป็นนอมินีหรือไม่ ก็ต้องฝากทางภูเก็ต ตนยังทราบว่ามีนอมินีที่เป็นเจ้าของเรืออยู่จำนวนมาก เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นนอมินีแล้วไม่ใช่คนไทยเป็นเจ้าของเอง เรื่องการดูแลเรือย่อมไม่ดีเหมือนเจ้าของเรือดูแลเอง เพราะฉะนั้นตรงนี้เราจะใช้มาตรการเดินภาษีความผิดฐานยึดทรัพย์ ซึ่งเราได้ดำเนินคดีกับบริษัททรานลี่มาแล้ว เข้ามาใช้ในการตรวจสอบทั้งหมด เพราะฉะนั้นเรื่องเรือถ้าเป็นเรือที่ไม่ใช่ของคนไทยเป็นเจ้าของโดยตรงแต่เป็นนอมินีต่างชาติ ต้องเตือนผู้ประกอบการในภูเก็ตให้เลิก เรามีข้อมูลอยู่หลายส่วนแล้วถ้าเป็นนอมินีข้ามชาติ การดูแลรักษาเรือก็จะไม่ดี ไม่เอาใจใส่ เหตุก็จะเกิดอยู่ร่ำไป เราจะบังคับใช้กฎหมาย ดำเนินคดีเหมือนกับบริษัท ทรานลี่

          พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของบริษัทเรือ ตอนนี้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นไปแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ตนจะเดินทางไปพบกับเจ้าของเรือที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เพราะฉะนั้นในเรื่องของการตรวจสอบเรือ ถ้าเป็นนอมินี เราต้องดำเนินคดีความผิดในเรื่องของ ภาษีอากร การประกอบธุรกิจนำเที่ยว รวมถึงเรื่องการจดทะเบียนกับ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในเรื่องนี้เราไม่ปล่อยไว้แน่นอน ถ้าพบเป็นนอมินี เมื่อไหร่ดำเนินคดีเมื่อนั้น เพราะถือว่ารายได้ไม่ได้เข้าประเทศ คนไทยเสียหาย วันนี้ต้องทำให้คนไทยมีที่ยืน โดยเฉพาะคนภูเก็ต

 

         วันนี้ทูตทั้งสองประเทศพอใจมาก ในช่วงค่ำทูตจีนจะเดินทางจากปักกิ่งเข้ามา วันนี้มอบหมายให้ผู้ช่วยทูตเดินทางมาดูแลก่อน สำหรับวันนี้จากการช่วยเหลือ ผู้ช่วยทูตจีนได้โทรศัพท์รายงานไปยังประเทศจีน ว่าท่านชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนในการช่วยกันดูแลคนของท่าน เพราะฉะนั้นการตอบกลับไปยังประเทศของเขา ตนจึงเอาผู้ช่วยทูตจีนมา​ ในส่วนของตลาดจีน ในเรื่องการท่องเที่ยวตนเชื่อมั่น​ ว่าเกิดเหตุเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้แต่ว่าหลังเกิดเหตุแล้ว เราต้องดูแลคนของเขาให้เขาประทับใจและอยากกลับมาเที่ยวอีก เพราะฉะนั้นเรื่องของการท่องเที่ยวทางทะเลวันนี้ กระแสลม กระแสคลื่น มรสุมต่างๆ เราอาจควบคุมไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญคือการดูแลเขาหลังเกิดเหตุ

         สำหรับ​ วันนี้ตนเชื่อมั่นว่าในเรื่องบรรยากาศการท่องเที่ยวไทยไม่ส่งผลกระทบ เพราะว่าเราคนไทยดูแลนักท่องเที่ยวต่างประเทศดีอยู่แล้ว ตอนนี้สิ่งที่เขาร้องขอคือ​ ต้องการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล ว่าคนของเขามีใครบ้าง ขณะนี้ได้ตั้งศูนย์พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล​ ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งผู้ช่วยทูตจีน ทราบแล้วว่าเรามีการตรวจสอบอัตลักษณ์ที่ชัดเจน ดูแลด้านสาธารณสุขอย่างดี​ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้ายในที่สุด