รายงาน รมว.ท่องเที่ยวฯ นทท. เข้าวันละ 60,000 คน
ผู้ว่าฯประชุมรายงานสรุปสถานการณ์ท่องเที่ยว ช่วงเทศกาลปีใหม่ ต่อรัฐมนตรีท่องเที่ยวฯผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เร้น นักท่องเที่ยวเข้าเพิ่มขึ้น 60,000 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปรกติ 13% เที่ยวทะเลเพิ่มขึ้นจาก 2,500 คน เป็น 3,000 คนต่อวัน อุบัติเหตุบนถนนตายแค่ 2 ศพ พบรถเช่ายังไม่มีมาตรฐานชัดเจน ผ่านเรื่องให้ขนส่งไปจัดการแล้ว
เมื่อเช้าวันที่ 1 มกราคม 2561 เวลา 09.00 น. นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ประชุมคอนเฟอเร้นท์รายงานผลการปฏิบัติของศูนย์ปฏิบัติการการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 จังหวัดภูเก็ต ต่อนาย วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ท่องเที่ยวและกีฬา ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเร้น จากห้องประชุม 1 ปภ.อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยว่า ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2561 จังหวัดภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาวันละกว่า 60,000 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงปกติ ร้อยละ 13 และเที่ยวบินเพิ่มขึ้นวันละ 350 เที่ยวบิน ซึ่งสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 7.42ในส่วนของการท่องเที่ยวทะเลมีนักท่องเที่ยวจำนวนเพิ่มขึ้นจากเดิม 25,000 คน ต่อวัน เป็น 30 ,000 คนต่อวัน โดยยอดสะสม 4 วันจังหวัดภูเก็ต เกิดอุบัติเหตุรวม 24 ครั้ง ลดร้อยละ 52 ผู้บาดเจ็บ 24 ราย ลดลงร้อยละ 54 และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย เท่ากับปี 2560
โดยจังหวัดภูเก็ตได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนและทางทะเลระดับจังหวัดและระดับอำเภอ โดยแต่ละวันจะมีการประชุมนำกรณีการเกิดอุบัติเหตุทุกกรณีมาวิเคราะห์หาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุเพื่อถอดบทเรียนนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ เป็นการวิเคราะห์สถานการณ์รายวัน รวมทั้งเพื่อเป็นการวิเคราะห์นำข้อมูลเพื่อไปถอดบทเรียนเตรียมพร้อมในการรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลต่อไป
สำหรับมาตรการการช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ จังหวัดภูเก็ตได้มีชุดเคลื่อนที่เร็วมีศูนย์ควบคุมการจราจรทางทะเลและมีการเตรียมเฮลิคอปเตอร์จากทหารเรือ จำนวน 2 ลำ เพื่อเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งมีการจัดตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยวชายหาดจำนวน 9 จุดบริการประชาชนแบบ One Stop Service เพื่อช่วยเหลือนักท่องเที่ยวหากกรณีนักท่องเที่ยวถูกเอารัดเอาเปรียบจะได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
ส่วนประเด็นปัญหาของจังหวัดภูเก็ต พบว่าผู้ประกอบการให้เช่ารถจักรยานยนต์ยังขาดกฎระเบียบที่ชัดเจน จึงได้มอบหมายให้สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ตจัดทำข้อมูลกำหนดมาตรการในการควบคุมการให้เช่ารถจักรยานยนต์และจังหวัดภูเก็ตยังขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ ได้แก่ เครื่องตรวจจับควันดำ, เครื่องตรวจจับความเร็ว โดยปัจจุบันมีเพียงจุดเดียว ทำให้ไม่เพียงพอ ทั้งนี้ หากมีการตั้งจุดตรวจรถเพิ่มเติมโดยเฉพาะจุดก่อนทางขึ้นเขาป่าตองจะสามารถป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนในการประชุมระดับจังหวัด นายประพันธ์ ขันธ์พระแสง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ตได้รายงานสรุปผลการเกิดอุบัติเหตุ ประจำวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นวันที่ 4 ของการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เกิดอุบัติทางถนน จำนวน 6 ครั้ง โดยเกิดในพื้นที่ อำเภอเมือง จำนวน 4 ครั้ง และอำเภอกะทู้ จำนวน 2 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 7 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต
ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลของการเกิดอุบัติเหตุของวันที่ 31 ธันวาคม 2560 สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่มาจากไม่สวมหมวกนิรภัยและเมาสุรา, รถจักรยานยนต์ ยังเป็นยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด และอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดในถนนแขวงทางหลวง
สรุปยอดสะสม 4 วัน (วันที่ 28 -31 ธันวาคม 2560) เกิดอุบัติเหตุรวม 24 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 24 รายและมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ส่วนผลการเรียกตรวจยานพาหนะ ในจุดตรวจทั้ง 3 อำเภอ เรียกตรวจรถจำนวน 2,574 คัน ได้ส่งดำเนินคดี 16 คัน, ยึดใบอนุญาต 1 คัน และยึดรถ 16 คัน
ผลการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกฎจราจร 10 ข้อหาหลัก จับกุม ไม่สวมหมวกนิรภัย 297 ราย, มอเตอร์ไซค์ไม่ปลอดภัย 34 ราย, เมาสุรา 16 ราย, ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 62 ราย, ไม่มีใบขับขี่ 169 ราย, ความเร็วเกินกำหนด 16 ราย, ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร 23 ราย, ขับรถย้อนศร 22 ราย, แซงในที่คับขัน 16 ราย และใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ 20 ราย ในส่วนของอุบัติเหตุทางทะเลยังไม่มีการเกิดอุบัติเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต
นายนรภัทร กล่าวว่า จากข้อมูลของจังหวัดภูเก็ต เข้าสู่วันที่ 4 ของการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุ พบว่า รถจักรยานยนต์ยังคงเป็นพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงสุด โดยส่วนใหญ่รถจักรยานยนต์กระทำผิดในข้อหา ขับขี่ด้วยความเร็ว ไม่สวมหมวกนิรภัย ดังนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจทั้ง 11 จุด หลักและด่านชุมชนตรวจเข้มรถจักรยานยนต์ทุกคันโดยใช้มาตรการทางกฎหมายและนำระบบกล้อง CCTV มาใช้ในการตรวจจับรถจักรยานยนต์ที่กระทำผิด ทั้งนี้อาจไม่สามารถจับกุมได้ในทันที จะมีระบบส่งใบสั่งให้กับผู้กระทำผิดไปที่บ้านเพื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป