อบจ.ภูเก็ต ร่วมประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ เพื่อหามาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19
อบจ.ภูเก็ต ร่วมประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ
เพื่อหามาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19
เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564 เวลา 16.00 น. ที่ห้องประชุมคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นางสาวชุติมา สนิทเปรม รองปลัด อบจ. และนางปิยะพร โยธี ผู้อำนวยการกองสาธารณสุข อบจ. เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อต่อจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 31/2564 เพื่อหารือมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดย นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน ซึ่งมี ว่าที่ร้อยตรีวิกรม จากที่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายปิยพงศ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
ในการประชุมครั้งนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้เสนอขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต เรื่องการตรวจคัดกรองด้วยวิธี RT-PCR โดยการทำ Pooled nasopharyngeal swab ซึ่งใช้วิธีการคัดกรองโดยจะทำแผนการดำเนินการตามพื้นที่ต่างๆ ร่วมกับทางสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และขอใช้งบประมาณของ สปสช. ในส่วนของค่าเก็บตัวอย่าง และค่าตรวจแล็บ ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น การจัดสถานที่ จะใช้งบของ อบจ.ภูเก็ต ซึ่งที่ประชุม มีมติเห็นชอบให้ อบจ.ภูเก็ต ดำเนินการดังกล่าว
สำหรับ สถานการณ์โรคโควิด-19 ในภูเก็ต (ระลอกเมษายน) ขณะนี้ได้มีความรุนแรงขึ้น ทาง อบจ.ภูเก็ต ได้ตระหนักต่อความห่วงใยของประชาชน จึงขอความร่วมมือทุกคนป้องกันตนเอง ให้ปลอดเชื้อ ปลอดโรค และปลอดภัย โดยสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน เว้นระยะห่าง และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์
ในส่วนของมติคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตในวันนี้ ซึ่งยังไม่ออกมาเป็นคำสั่ง มีรายละเอียดดังนี้ ประการแรก ที่ประชุมได้พิจารณาปิดช่องทางบก ด่านตรวจท่าฉัตรไชย จากเดิมที่มีการเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้กำลังพลที่ปฏิบัติงานประจำด่านมีความอ่อนล้า ดังนั้น เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการที่ดีและเหมาะสม มติที่ประชุมจึงกำหนด เวลาปิดด่านท่าฉัตรไชยตั้งแต่เวลา 23.00-05.00 น. เว้นแต่รถขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคและต้องมีหนังสือรับรองจากหน่วยงานต้นสังกัดว่าเป็นบุคคลที่ขออนุญาตผ่านเข้าออกเพื่อกิจการประเภทใด ทั้งนี้ มติที่ประชุมยังไม่มีคำสั่งออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ได้แจ้งเบื้องต้นเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมโดยคาดว่าจะใช้เวลา 1-2 วัน คำสั่งถึงจะมีผลบังคับใช้
เรื่องที่ 2 ที่ประชุมมีมติปรับลดจำนวนของผู้ทำกิจกรรม ประชุม สัมมนา แต่เดิมกำหนด 50 คน เหลือไม่เกิน 30 คน เว้นแต่การจัดการประชุมของหน่วยงานภาครัฐ หรือการจัดงานตามประเพณีบางอย่าง เช่น งานศพ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขโดยเคร่งครัด
เรื่องที่ 3 ที่ประชุมมีมติ ให้ปิดสนามซ้อมชนวัว ชนไก่ ชกมวย และสนามซ้อมกีฬาพนันทุกชนิดทั้งที่มีผู้ชมและไม่มีผู้ชม
นอกจากนี้ในประเด็นการห้ามดื่มสุราในพื้นที่สาธารณะยังคงห้ามตามคำสั่งเดิม สำหรับพื้นที่สาธารณะ หมายรวมถึงพื้นที่สาธารณะทุกประเภททั้งอ่างเก็บน้ำ/สวนสาธารณะและชายหาดด้วย