“เข้เลพัง”ได้บ้านหลังใหม่ สวนสัตว์ภูเก็ตอ้าแขนรับ
กรมประมงได้ข้อสรุปหาบ้านหลังใหม่ให้ “เลพัง” จระเข้ลูกผสม ที่หลุดมาแหวกว่ายอยู่กลางทะเล หน้าหาดเลพังได้แล้ว “สวนสัตว์ภูเก็ต” อ้าแขนรับอุปการะ สร้างบ่อให้อยู่ เพื่อให้นักท่องเที่ยว และเยาวชนได้ชมและเรียนรู้ ว่าตามกฎหมายประมง ไม่สามารถปล่อยกลับสู่ธรรมชาติได้ เพราะเป็นลูกผสม และจะเป็นอันตรายทั้งจระเข้ และคน
เมื่อเวลา 11.00 น.ของวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 ดร.อดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง พร้อมด้วย นายประกอบ วงศ์มณีรุ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ บุญลิปตานนท์ ประมงจังหวัดภูเก็ต นายไวยพจน์ เครือเสน่ห์ ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง เขต 5 ภูเก็ต สพ.ญ.นรีรัตน์ สังขะไชย คณะสัตว์แพทย์ มหาวิทยลัยมหิดล ตัวแทนจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายพิชัย สกุลสอน ผู้จัดการ สวนสัตว์ภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าว การบริหารจัดการจระเข้ “เลพัง” ที่จับได้บริเวณขุมน้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งใกล้ๆกับหาดเลพัง ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา และนำมาเลี้ยงไว้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง บ้านพารา อ.ถลาง จ.ภูเก็ต หลังจากนักท่องเที่ยวต่างชาติรายหนึ่งถ่ายภาพมุมสูงจระเข้กำลังแหวกว่ายอยู่ในทะเลหน้าหาดเลพัง ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องค้นหาและสามารถจับได้
ดร.อดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ภายหลังจากที่ได้นำจระเข้ “เลพัง” มาเลี้ยงไว้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงชายฝั่ง เพื่อรอการบริหารจัดการจระเข้ตัวดังกล่าวให้เหมาะสมที่สุด ทางมหาวิทยาลัยมหิดลจึงได้ตรวจดีเอ็นเอ และพบว่าจระเข้ “เลพัง” เป็นจระเข้ลูกผสมระหว่างจระเข้น้ำจืดกับจระเข้น้ำเค็ม ซึ่งสันนิษฐานว่า น่าจะมาจากฟาร์มและเข้าสู่แหล่งธรรมชาติโดยไม่ทราบสาเหตุและแหล่งที่มา ซึ่งจระเข้ลูกผสมนั้นไม่มีคุณค่าในเชิงอนุรักษ์และตามระเบียบของกรมประมงไม่สามารถที่จะปล่อยสู่ธรรมชาติ หรือนำไปใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมจระเข้พันธุ์แท้ได้อีกต่อไป
ดังนั้นจำเป็นจะต้องหาที่อยู่ที่เหมาะสมที่สุดให้กับจระเข้ตัวดังกล่าว จากการหารือร่วมกันของจังหวัดภูเก็ต กรมประมงกรมอุทยานแห่งชาติฯคณะสัตว์แพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมถึงภาคเอกชน คือ สวนสัตว์ภูเก็ต ในวันนี้ ได้ข้อสรุปว่า เมื่อจระเข้ตัวดังกล่าวเป็นลูกผสมไม่สามารถปล่อยสู่ธรรมชาติได้ จำเป็นที่จะต้องหาที่อยู่ที่เหมาะสมซึ่งอาจจะไม่ใช่ภูเก็ต ถ้าไม่ใช่ภูเก็ตแล้วคนภูเก็ตจะรู้สึกอย่างไร จึงได้ข้อสรุปว่าจระเข้ตัวนี้จะต้องอยู่ในภูเก็ตเท่านั้น เพราะเป็นจระเข้ที่จับได้ในภูเก็ตและมีความผูกพันกับคนภูเก็ต จึงได้พิจารณาสถานที่ที่จะสามารถเลี้ยงจระเข้ได้ ที่เป็นหน่วยงานของรัฐ มีเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว ไม่มีสถานที่และเจ้าหน้าที่ไม่มีความรู้เรื่องการเลี้ยงจระเข้ และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงชายฝั่ง ที่จระเข้อยู่ในขณะนี้ มีแต่บ่อเพาะเลี้ยงปลาที่เป็นบ่อซิเมนต์สี่เหลี่ยมไม่เหมาะสำหรับการเลี้ยงจระเข้ อยู่ห่างไกลจากชุมชน ไม่เหมาะในการที่จะทำเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวสำหรับเยาวชนในการเรียนรู้ชีวิตสัตว์เลื้อยคลานได้
ที่ประชุมจึงได้ข้อสรุปว่า ทางกรมประมงจะร่วมกับภาคเอกชนทำการดูแลจระเข้เลพัง โดยร่วมกับทางสวนสัตว์ภูเก็ต ในการนำจระเข้ เลพังไปเลี้ยง ในลักษณะของการมอบให้สวนสัตว์ภูเก็ตเป็นผู้ดูแล แต่กรรมสิทธิ์ในตัวจระเข้ยังคงเป็นของรัฐเหมือนเดิม และต่อไปหากเอกชนรายใดสนใจที่จะขอจระเข้ตัวดังกล่าวไปดูแลก็สามารถดำเนินการแจ้งความประสงค์กับทางกรมประมงได้ แต่จะต้องเป็นพื้นที่ในภูเก็ตเท่านั้น การมอบจระเข้ตัวดังกล่าวให้สวนสัตว์ภูเก็ตดูแล เนื่องจากทางกรมประมงมองว่า สวนสัตว์ภูเก็ตมีศักยภาพในการดูแลได้เป็นอย่างดี เพราะมีประสบการณ์ในการทำสวนสัตว์และเลี้ยงจระเข้มานานกว่า 30 ปี ซึ่งขณะนี้มีจระเข้ที่อยู่ในการดูแลกว่า 200 ตัว และจระเข้เลพังจะเป็นจระเข้ที่จะไว้โชว์ให้เด็กๆ ผู้ที่สนใจ ได้เข้าไปศึกษาเรียนรู้ แต่จะไม่อนุญาตให้นำไปแสดงโชว์เหมือนตัวอื่นๆ
“ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการทำเอกสารข้อตกลงในการมอบจระเข้ให้ทางสวนสัตว์ภูเก็ตเป็นผู้ดูแล ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งมอบจระเข้ให้ทางสวนสัตว์ภูเก็ตได้ประมาณกลางเดือน ธันวาคมนี้ หลังจากนั้นชาวภูเก็ตสามารถที่จะเข้าไปชมจระเข้ตัวดังกล่าวได้ที่สวนสัตว์ภูเก็ต”
ดร.อดิศร กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการพิจารณาถึงที่อยู่ใหม่ของจระเข้เลพัง ตามระเบียบไม่สามารถนำสัตว์ลูกผสมไปปล่อยตามธรรมชาติได้ และที่สำคัญการนำจระเข้ไปปล่อยในธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งที่ไม่ปลอดภัย เพราะจระเข้สามารถที่จะว่ายน้ำและไปยังจุดต่างๆ ได้ ทำให้เป็นอันตรายกับตัวจระเข้เอง และคนได้ จึงจำเป็นที่จะต้องหาสถานที่ที่เหมาะสมทั้งจระเข้และคน และอยากจะฝากชาวภูเก็ตทุกท่านช่วยกันดูแลจระเข้ เลพัง ตัวนี้ด้วย
ด้านนายประกอบ วงศ์มณีรุ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตสนับสนุนที่จะให้จระเข้ตัวดังกล่าวไปอยู่ในที่ที่เหมาะสมที่สุด โดยไม่ขัดกับกฎหมายและข้อระเบียบต่างๆ ของกรมประมง
ขณะที่นายพิชัย สกุลสอน ผู้จัดการ สวนสัตว์ภูเก็ต กล่าวว่า ทางสวนสัตว์ภูเก็ตรู้สึกภูมิใจมากที่ได้รับความไว้วางใจจากจังหวัดภูเก็ตและกรมประมงให้เป็นผู้ดูแล “เลพัง” ซึ่งเรามั่นใจว่าจะสามารถดูแลเจ้าเลพังได้เป็นอย่างดี จากประสบการณ์การเพาะเลี้ยงจระเข้มานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่เปิดสวนสัตว์มาจนถึงขณะนี้เราไม่เคยซื้อจระเข้มาในสวนสัตว์ จระเข้ทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนี้กว่า 200 ตัว เป็นจระเข้ที่เพาะพันธุ์เองทั้งหมด และทางเราจะดูแลเจ้าเลพังให้มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง โดยขณะนี้ทางสวนสัตว์ได้มีการปรับปรุงบ่อจระเข้เพื่อรองรับเจ้าเลพังแล้ว เป็นบ่อที่เลี้ยงเพียงตัวเดียวเท่านั้น เป็นบ่อทรงกลมขนาด 20-24 เมตร ชาวภูเก็ตทุกท่านสามารถที่จะเข้าไปเยี่ยมชมได้ตลอดเวลา