เพลิงไหม้เรือท่องเที่ยวอยู่ระหว่างขึ้นคานวอดทั้งลำ มูลค่าความเสียหายประมาณ 4-5 ล้านบาท
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (6ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งว่า มีเหตุเพลิงเรือที่ขึ้นคานอยู่ เหตุเกิดที่บริเวณ คานเรือเอเซียนภูเก็ตมารีน (ทางเข้าองค์การสะพานปลา) ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังจากรับแจ้ง ร.ต.อ.รณภูมิ เพิ่มพูน รองสว.(สอบสวน)สภ.เมืองภูเก็ต จึงรายงานให้ ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ฉัตรชัย ชูหนู สวป.สภ.เมืองภูเก็ต ร.ต.อ.เวชศักดิ์ จุลอดุง รองสวป.สภ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลรัษฎา เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครภูเก็ต พร้อมรถน้ำประมาณ 4 คัน
ที่เกิดเหตุอยู่ภายในคานเรือดังกล่าว เห็นไฟกำลังลุกไหม้เรือที่อยู่ระหว่างซ่อมแซมโดยเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรงอยู่ภายในตัวเรือและมีควันพวยพุ่งออกมาเป็นจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เร่งฉีดน้ำสกัดเพื่อไม่เพลิงลุกลามไปติดเรือข้างเคียง แต่การดับเพลิงเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากมีลมกรรโชกทำให้เพลิงลุกลามไปติดทั่วเรือทั้งลำซึ่งเจ้าหน้าที่ฯได้ฉีดน้ำสกัดจากด้านล่างของเรือ จากนั้นเพลิงเริ่มสงบทางเจ้าหน้าที่ฯจึงได้ขึ้นไปฉีดน้ำภายในตัวเรือ โดยใช้เวลากว่า 1.30 น. ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงได้ ตรวจสอบในเบื้องต้น ภายในเรือถูกวอดเผาวอดทั้งลำมูลค่าความเสียหายประมาณ 4-5 ล้านบาท และเรือข้างเคียงถูกเพลิงเผาได้รับความเสียหายเล็กน้อยเช่นเดียวกัน
จากการสอบถาม นายยศณัฎฐ์ ส่งเกียรติวงศ์ เจ้าของคานเรือ กล่าวว่า เรือลำดังกล่าวได้ขึ้นคานเมื่อวันที่ 31 ก.ค.61 และมีกำหนดจะลงจากคานในวันที่ 9 ส.ค.61 เป็นของบริษัทแห่งหนึ่ง มีความยาวประมาณ 20 เมตร กว้าง 6 เมตร บรรทุกผู้โดยสารได้ประมาณ 125 คน และลูกเรือ 6 คน ซึ่งเรือลำดังกล่าวได้ขึ้นคานมาซ่อมแซมภายนอกและภายในตัวเรือ ทั้งปะ พุ และเชื่อม โดยในช่วงบ่ายของวันนี้ได้มีช่างเชื่อมและช่างตัดเหล็กกำลังซ่อมแซ่มอยู่รอบตัวเรือทั้งภายในและภายนอก โดยขณะที่ตนกำลังเตรียมลากเรืออีกลำจะลงจากคานได้เห็นไฟกำลังลุกไหม้จากด้านหน้าตัวเรืออย่างรวดเร็ว ตนได้ตะโกนให้คนที่อยู่ในเรือนำถังดับเพลิงฉีดสกัด แต่เพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรงไม่สามารถดับได้จึงได้โทรศัพท์แจ้ง 199 มาช่วยดับในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า สาเหตุน่าจะมาจากประกายไฟจากการตัดเหล็กแล้วกระเด็นไปถูกโซฟาที่อยู่ภายในตัวทำให้เกิดไฟลุกไหม้ดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงจะทำการสอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เพื่อสาเหตุที่แท้จริง และจะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่มาตรวจสอบอีกครั้งต่อไป