“เอ็มเมอรัลด์”ปัดฉ้อโกง แถลงเดินหน้าโครงการต่อ
เมื่อเวลา 14.00 น.ของวันที่ 19 พฤษภาคม 2561 นายสาวิตร เกตุโรจน์ ผู้บริหารบริษัท เอ็มเมอรัลด์ ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด เปิดแถลงข่าวชี้แจงสร้างความเชื่อมั่นให้กลุ่มลูกค้าหลังถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง เมื่อเร็วๆนี้ หลังลูกค้าร้องเรียนไม่สามารถสร้างคอนโดมิเนียมในโครงการที่กะหลิม ได้ตามกำหนดในสัญญาซื้อขาย โดยมีสื่อมวลชน ลูกค้าโครงการและตัวแทนขาย เข้าร่วม ณ.โรงแรมดาราโฮเทล อ.เมือง จ.ภูเก็ต
นายสาวิตร เกตุโรจน์ ผู้บริหารบริษัท เอ็มเมอรัลด์ ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ ของบริษัท ภูเก็ต ฟิวเจอร์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท เอ็มเมอรัลด์ กรุ๊ปฯ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่กะหลิม ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ประกอบด้วย โครงการเอ็มเมอรัลด์ เนอร์วาน่า 1 และ 2 โครงการเนอร์วานา ลักซ์ และโครงการ เจดวิลล่า ไปตามสื่อต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์โครงการอสังหาฯของบริษัทในเครือเป็นอย่างมาก รวมไปถึงธุรกิจอสังหาฯในจังหวัดภูเก็ตอีกด้วย ทำให้ลูกค้าขาดความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
จึงอยากจะชี้แจงว่า ตลอด 8 ปี ที่ผ่านมา บริษัทดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่น ชื่อตรง และยึดหลักธรรมาภิบาล เพื่อส่งมอบที่พัก คอนโดมิเนียม ที่ดีที่สุดให้ลูกค้า จนถึงปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 5 บริษัท ลงทุนคอนโดฯและอสังหาฯในภูเก็ตมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการกะทู้กอล์ฟคอนโด โดยบริษัท เอ็มเมอรัลด์ ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด โครงการดิ เอ็มเมอรัลด์ เทอเรซ คอนโด ป่าตอง โดยบริษัท ภูเก็ตฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ
โครงการ ดิ เอ็มเมอรัลด์ – เซ็นทรัล โดย บริษัท ภูเก็ต แคปปิตอล เรียลเอสเตท จำกัด โครงการ ดิเอ็มเมอรัลด์ ซิตี้ไลฟ์ คอนโด ป่าตอง โดยบริษัท เอ็มเมอรัลด์ ฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และโครงการเอ็มเมอรัลด์ เนอร์วาน่า 1 และ 2 โครงการเนอร์วานา ลักซ์ และโครงการ เจดวิลล่า ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างและรอใบอนุญาตก่อสร้าง และเป็นโครงการที่ได้รับการร้องเรียนจนนำมาซึ่งข่าวดังกล่าว
“โครงการที่มีปัญหาเฉพาะในส่วนของบริษัท ภูเก็ต ฟิวเจอร์ กรุ๊ป จำกัด ส่วนโครงการอื่นๆ ของบริษัทยังคงดำเนินการต่อไปได้ ไม่ได้เกิดปัญหาทุกโครงการภายใต้แบรนด์ เอ็มเมอรัลด์” นายสาวิตร กล่าวและว่า
บริษัท ภูเก็ตฟิวเจอร์ กรุ๊ป เปิดโครงการพร้อมเปิดขาย ตั้งแต่ปี 2557 ประกอบด้วย โครงการเอ็มเมอรัลด์ เนอร์วาน่า 1 และ 2 โครงการเนอร์วานา ลักซ์ และโครงการ เจดวิลล่า มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท มียอดขายทั้งโครงการ 941 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 70 ลูกค้าชำระเงินแล้ว 359 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างและทยอยดำเนินการ โดยค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่ชำระแล้ว ได้แก่ค่าที่ดิน 117 ล้านบาท ค่านายหน้า 56.60 ล้านบาท ค่าก่อสร้างทั้งส่วนการพัฒนาที่ดิน 110 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าบริหาร 68.34 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมเงินลงทุนเพิ่มเติมของบริษัท และชำระภาษีถูกต้องต่อเนื่อง 7.61 ล้านบาท จะเห็นว่าบริษัทมีการลงทุนจริง มีหลักฐานทางบัญชีที่สามารถตรวจสอบได้
แต่ที่ยังไม่สามารถสร้างได้ตามกำหนดที่วางไว้ตั้งแต่เปิดตัวโครงการ แม้ว่าบริษัทจะได้รับใบอนุญาตบางส่วนไปแล้ว ส่วนที่เหลือกำลังเร่งดำเนินการ ทั้งรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม และใบอนุญาตก่อสร้าง เนื่องจากพื้นที่ก่อสร้าง 36 ไร่ อยู่บนเนินเขาลาดเอียง ต้องใช้ความระมัดระวังทางวิศวกรและสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะงานด้านวิศวกรรมที่บริษัทเน้นความปลอดภัยสูงสุด ทำให้เกิดความล่าช้า จากที่วางแผนให้แล้วเสร็จในปี 60 ได้ปรับเปลี่ยนครั้งที่ 2 ในเรื่องของ EIA และคาดว่าสร้างเสร็จปลายปี 61 แต่ก็ต้องเลื่อนออกไปเป็นครั้งที่ 3 เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายควบคุมสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ และวางแผนว่าจะก่อสร้างให้เสร็จในปลายปี 2562 ที่จะถึงนี้
“ปัญหาความล่าช้าที่เกิดขึ้น บริษัทฯได้แจ้งให้ลูกค้ารับทราบมาโดยตลอด โดยมีลูกค้าที่ซื้อโครงการทั้งหมด 185 ราย เป็นลูกค้าที่เชื่อมั่นและไว้วางใจ มีลูกค้าที่ขอยกเลิกสัญญา 98 ราย บริษัทได้ทำแผนชำระเงินคืน และทยอยจ่ายไปแล้วบางส่วน เพื่อดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด” นายสาวิตร กล่าวและว่า
บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องแล้วในขณะนี้ และบริษัทกำลังมีพันธมิตรในการร่วมลงทุนจากต่างประเทศ และพร้อมที่จะดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด ไม่ให้ลูกค้าได้รับผลกระทบ
ส่วนกรณีที่ระบุว่า บริษัทขายห้องคอนโดฯซ้ำนั้น ไม่เป็นความจริง ห้องจะถูกนำไปขายให้กับลูกค้าคนใหม่ก็ต่อเมื่อลูกค้าคนเดิมยกเลิกสัญญาเท่านั้น แต่ข้อมูลยังอยู่ในระบบเท่านั้นเอง บริษัทไม่สามารถที่จำทำแบบนั้นได้
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียม ที่อ่าวนาง จ.กระบี่ นั้น นายสาวิตร กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเกิดจากการร่วมลงทุนระหว่างบริษัทกับเจ้าของที่ดิน แต่เมื่อโครงการดำเนินการมาถึงขั้นการก่อสร้าง เกิดความคิดที่แตกต่างกัน จึงได้ถอยออกมา ยกเลิกการร่วมลงทุน แต่เจ้าของที่ดินได้ดำเนินโครงการต่อ