7 ตร. วิสามัญหนุ่มซิ่งรถแหกด่าน ย้าย 24 ชม. ตั้งข้อหา “ร่วมกันฆ่า”

         สภ.เมืองภูเก็ตตั้งจุดตรวจยาเสพติด ตกดึกหนุ่มภูเก็ตขับรถกระบะจะเข้าตลาด ตำรวจให้สัญญาณจอดเพื่อตรวจค้น กลับขับแหกด่านหนี เกิดไล่ล่ากันกลางดึก ตำรวจยิงสกัด หวังให้จอดแต่ไม่เป็นผล ซิ่งหนีไปชนรถจยย.ที่จอดติดไฟแดงวินาศ 2 ราย ยังไม่สิ้นฤทธิ์ บึ่งต่ออีกจนถูกสกัดจนมุม ชนอัดติดฟุตบาทที่เชิงทะเลไปต่อไม่ได้ กลับชักปืนเล็งใส่ ตำรวจ เลยถูกยิงสวนวิสามัญดับคารถ ตรวจพบปืน 2 กระบอก พร้อมกระสุนอยู่ในรถเพียบ ญาตินำศพประท้วงหน้าศาลากลางร้องขอความเป็นธรรม อ้างตำรวจทำเกินกว่าเหตุ เบื้องต้นผู้การฯเสนอย้าย 24 ชั่วโมง ชุดวิสามัญออกนอกพื้นที่ พร้อมตั้งข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” แล้ว โดยมีคณะกรรมการสอบสวนร่วมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียกสอบปากคำทีละคน

ซิ่งกระบะแหกด่าน ตร.

ไล่ล่ากลางดึกสนั่นเมือง

         เมื่อคืนวันที่ 17 กันยายน 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง ภายใต้การนำของ ร.ต.อ.ปรีชาภัทร สังข์น้อย  รองสวป. ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ไปตั้งจุดตรวจ-จุดสกัด ยาเสพติด ที่บริเวณปากซอย นสพ.เสียงใต้ ต.รัษฎา ถนนเทพกษัตรี ร่วมกับ ด.ต.โกสุน สุชาติ ส.ต.ท.สมชาย สาระพัตร ส.ต.ท.อุกกฤษฎ์ พิบูลย์ พร้อมด้วย 2 อส.ตร.สภ.เมือง คือ นายวิโรตม์ บุญเดช และนายพงษ์ศักดิ์ โต่งกาพงษ์  จนกระทั่งถึงเวลาช่วงย่างเข้าวันใหม่ประมาณ 00.30 น.(18 ก.ย.61) คืนเดียวกันได้มีรถยนต์กระบะอีซูซุสีน้ำเงินคัน ดังกล่าวขับมาตามถนนเทพกษัตรี จากถลางมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง  จึงให้สัญญาณหยุดรถ เพื่อทำการตรวจค้น แต่รถกระบะคันดังกล่าวไม่ยอมหยุดกลับขับฝ่าด่านตรวจหลบหนีมาทางหน้าโรงเรียนสตรี ภูเก็ต ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด และวิทยุแจ้งขอกำลังเสริมให้ช่วยเสกัด

         รถกระบะคันดังกล่าวได้เลี้ยวซ้ายหน้าโรงเรียนสตรี มุ่งหน้าไปตามถนนดำรง ผ่านข้างศาลากลาง เข้ากู้กูเลี้ยวซ้าย ออกทางสี่แยกมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เลี้ยวขวาไปตามถนนเทพกระษัตรีมุ่งหน้าไปทาง อ.ถลาง และ ได้เฉี่ยวชนรถของประชาชนที่บริเวณแยกโรงไฟฟ้า แต่ก็ยังไม่หยุด โดยมีรถสายตรวจขับตามจ่อหลังไป พร้อมยิงสกัด เตือนให้หยุดรถ แต่ไม่เป็นผล กลับเร่งความเร็วขึ้นไปอีก จนถึงอนุสาวรีย์ยามุก-ย่าจัน สี่แยกท่าเรือ รถกระบะคันดังกล่าวได้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนศรีสุนทร มุ่งหน้าไปทางเชิงทะเล เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ตยังคงไล่ติดตามอย่างกระชันชิด

         พร้อมวิทยุแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล สกัดรถคันดังกล่าว หลังรับแจ้งทางวิทยุ พ.ต.ต.สัณหวิชญ์ สนิทวงศ์ สวป.สภ.เชิงทะเล และ ร.ต.อ.จีระ เชิดฉาย  รอง สวป.สภ.เชิงทะเลจึงนำกำลังออกสกัดไว้ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ รถสายตรวจของสภ.เมืองภูเก็ตได้ขับแซง และ บีบช่องทางเพื่อให้รถกระบะหยุด แต่ก็ยังไม่ยอมหยุด กลับพุ่งเข้าเบียดชนกระแทกประตูด้านหน้าซ้ายของรถสายตรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ทำให้ประตูพับไปทางด้านหน้า ส่วนรถกระบะคันดังกล่าวได้เสียหลักไปชนอัดติดกับฟุตบาทริมถนนศรีสุนทร หน้าร้านต้นหอม ต.เชิงทะเล

         เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสภ.เมือง ที่อยู่ภายในรถสายตรวจที่ไล่ติดตามมา ได้ใช้ไฟส่อง และ สั่งให้ผู้ขับขี่ลงจากรถ แต่ไม่ยอมลง กลับใช้อาวุธปืนยกขึ้นเล็งมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อยิงต่อสู้ ทางเจ้าหน้าที่ จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อยับยั้ง แต่กระสุนถูกที่สำคัญเสียชีวิตคาที่

         ต่อจากนั้น หลังเกิดเหตุจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เจ้าของท้องที่เกิดเหตุทราบ  เมื่อเวลา 01.30 น. ย่างเข้าวันที่ 18 กันยายน 2561 หลังรับแจ้ง ร.ต.อ.ยุทธพล ยะฝา รองสว.(สอบสวน) สภ.เชิงทะเล จึงรายงานให้ ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.เสริม ขวัญนิมิต ผกก.สภ.เชิงทะเล พ.ต.ท.สมพงศ์ จุลเรือง รองผกก.(สอบสวน)สภ.เชิงทะเล พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ หนูผึ้ง รองผกก.พิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ถลาง อัยการภูเก็ต แพทย์เวรโรงพยาบาลถลาง และ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

         จากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุที่เกิดเหตุ พบรถกระบะอีซูซุ 2 ประตูสีน้ำเงินเข้ม หมายเลขทะเบียน บบ- 1233 ภูเก็ต สภาพรถชนติดอยู่กับฟุตบาท บังโคลนหน้ารถได้รับความเสียหาย ที่บริเวณด้านหน้าและ ประตูฝั่งคนขับ มีรอยกระสุน ประมาณ 9 รู ภายในรถที่เบาะนั่งฝั่งคนขับ พบศพทราบภายหลังชื่อ นายชิษณุพงษ์ เครือจันทร์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/11 ซอยปฏัก12  ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต มีเลือดไหลออกจากจมูก

         ภายในรถ พบอาวุธปืนพกสั้น ขนาด .357 พร้อมกระสุน จำนวน 6 นัด อยู่บนเบาะรถ ซึ่งผู้ตายนั่งทับไว้ และพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ อีก 1 กระบอก พร้อมกระสุนขนาด .38 อยู่ในรังเพลิงจำนวน 1 นัด และ กระสุนปืน ขนาด .45 จำนวน 5 นัด กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 4 นัด กระสุนปืน ขนาด.357 อีก 6 นัด  จึงได้ทำการยึดไว้เป็นหลัก ส่วนศพ นายชิษณุพงษ์ ได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตนำส่งโรงพยาบาลถลาง เพื่อให้แพทย์ชันสูตรตามขั้นตอนต่อไป

         จากการเปิดประวัติ นายชิษณุพงศ์ ที่ถูกตำรวจวิสามัญ พบว่าเคยต้องหาคดีอาญาประมาณ 5 คดี ทั้งพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดตรัง ยังมีหมายจับอยู่อีก 3 หมายจับ แต่หมดอายุความ 2 หมายจับ และถอนหมาย 1 หมาย

ผู้การฯภูเก็ตตามคดี 

ย้ำให้ความเป็นธรรม

         เช้าวันเดียวกันเวลา 09.00 น.เศษ พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เดินทางไปยังสภ.เชิงทะเล เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีฯ และได้ร่วมตรวจสอบร่องรอยความเสียหายของรถที่ผู้เสียชีวิตใช้เป็นพาหนะหลบหนี และรถของเจ้าหน้าที่ ก่อนเข้าประชุมร่วม กับ พ.ต.อ.เสริม ขวัญนิมิตร ผกก.สภ.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเพื่อวางแนวทางการทำงาน

         พล.ต.ต.ธีระพล กล่าวว่า สำหรับคดีนี้ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เข้ามาดูแลสำนวนคดีให้เกิดความเป็นธรรม ไม่ให้เกิดความเคลือบแครงใจของฝ่ายญาติผู้เสียชีวิต โดยได้สั่งการดำเนินตามขั้นตอน รวมทั้งส่งศพผู้เสียชีวิตไปชันสูตร และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมอย่างละเอียด เช่น การตรวจสอบหาหลักฐาน ภายในตัวรถ การตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งผู้เสียหายที่ถูกรถผู้เสียชีวิตชนขณะติดไฟแดง การตรวจสอบประวัติทางคดีอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

         พล.ต.ต.ธีระพล กล่าวต่ออีกว่า ปัจจุบันปัญหายาเสพติดในจังหวัดภูเก็ต ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะกวดขันจับกุมอย่างเข้มงวด แต่ยังมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงขึ้น และในการเข้าตรวจค้นจับกุมแต่ละครั้ง เจ้าหน้าที่พบว่า ผู้ต้องหาหลายราย มีการใช้อาวุธปืน ทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความระมัดระวัง มีสติ มีวิจารณญาณในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับตนเอง และผู้อื่นมากยิ่งขึ้นต่อไป

ญาติแห่ศพไปศาลากลาง

ร้องขอความเป็นธรรม

         ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. ของวันที่ 22 กันยายน 2561 นายอรุณ  เครือจันทร์ บิดา พร้อมด้วยภรรยา (มารดา) และญาติรวมทั้งเพื่อนๆ ของ นายชิษณุพงษ์ เครือจันทร์ อายุ 29 ปี ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญเสียชีวิต  ได้ร่วมกันแห่ศพของนาย นายชิษณุพงษ์ ออกจากวัดอนุภาษกฤษฎาราม หรือ วัดเก็ตโฮ่ อ.กะทู้  มายังศาลากลางจังหวัดภูเก็ต

         เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุที่บริเวณประตูหน้าทางเข้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต โดยมีการเขียนโปสเตอร์ข้อความว่า “เรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ผู้ตาย นายชิษณุพงษ์เครือจันทร์ (น้องเอ็ม)” กรณีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เชิงทะเล ระดมยิงวิสามัญ โดยผู้ตายไม่มีการตอบโต้และต่อสู้- ญาติใคร่ขอเรียกร้องความเป็นธรรมจากท่านผู้บังคับการตำรวจจังหวัดภูเก็ต และท่านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้พิจารณาเพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ตายและครอบครัวด้วย

         โดยมี นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.อ.อกนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสตร์ ผกก. สส.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมรับฟังข้อร้องเรียน และชี้แจงถึงกรณีที่เกิดขึ้น

         นายอรุณ กล่าวว่า ความรู้สึกที่เกิดขึ้น หากไม่เกิดกับครอบครัวของทุกคนคงจะไม่รู้ว่าเจ็บขนาดไหน หากลูกตนเป็นคนผิดก็สมควรจับไปลงโทษดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ใช่มาระดมยิงใส่แบบนี้ สิ่งที่เกิดเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เรียกร้องให้ย้ายตำรวจที่ก่อเหตุทั้งหมดออกนอกพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง หากไม่ย้ายออกไปจะไม่เผาศพ จะตั้งประท้วงจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม  รวมทั้งขอให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหากับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 9 นาย

         นายอรุณ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ตนสงสัย คือการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยากให้ตรวจสอบว่าลูกชายของตนขับรถแหกด่านจริงหรือไม่ และที่สำคัญในช่วงที่ที่ตำรวจขับรถไล่รถลูกชายตนไปจนติดฟุตบาท ซึ่งไม่สามารถหนีไปไหนได้แล้ว ทำไมทางเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงไม่เรียกให้ลงจากรถแทนที่จะยิงปืนเข้าใส่จนเสียชีวิต  นอกจากนั้นจากการตรวจสอบพบว่าอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอกที่อยู่ในรถยังไม่มีการยิงออกมาเลยแม้แต่นัดเดียว กระสุนยังอยู่ครบ จะมาบอกว่าลูกชายตนยิงออกมาจึงเป็นไปไม่ได้ การกระทำในครั้งนี้ถือว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่

         อย่างไรก็ตาม นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเร่งรัดให้มีการดำเนินการเกี่ยวข้องเรื่องนี้โดยเร่งด่วน โดยเฉพาะการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยขอให้ญาติ หรือผู้เห็นเหตุการณ์ ส่งข้อมูลหลักฐานมาให้กับทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม เพื่อใช้ในการประกอบการพิจารณา

         ด้าน พล.ต.ต.ธีระพล กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินการนั้นขณะนี้ได้ส่งพยานหลักฐานไปตรวจพิสูจน์ ส่วนกรณีมีการเรียกร้องให้ย้ายตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งตนได้เสนอไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ให้ย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 9 นาย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด สภ.เมือง และ ตำรวจสภ.เชิงทะเล

         ส่วนการแจ้งข้อหากับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นคาดว่าในวันอังคารนี้ จะแจ้งขอกล่าวหากับเจ้าหน้าที่ตำรวจในข้อหาฆ่าคนตาย นอกจากนั้นในส่วนของตำรวจ ก็ได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน

         พล.ต.ต.ธีระพล กล่าวต่ออีกว่า ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตด้วย ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุขึ้น ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุไว้ทั้งหมด คดีที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ทำคดีเพียงฝ่ายเดียว แต่มีอัยการ แพทย์ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุในส่วนกระบวนการสอบสวนตนยินดีให้ตรวจสอบทุกขั้นตอน

         อย่างไรก็ตามหลังมีการมีการหารือร่วมกัน และรับทราบการดำเนินการของทางเจ้าหน้าที่แล้ว ทางญาติพอใจ จึงยอมนำศพของผู้เสียชีวิตออกจากหน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต โดยจะนำศพกลับไปเก็บไว้ที่วัดกะทู้ และยืนยันจะไม่เผาจนกว่าจะมีผลทางคดีที่ชัดเจนออกมา

         สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 7 นาย และ อส.ตร.จำนวน 2 นาย รวม 9 นาย ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้มีคำสั่งให้ย้ายออกจากพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และไปปฏิบัติหน้าที่ที่ตำรวจภูธรจังหวัดพังงา ตั้งแต่เวลา 12.00น.วันที่ 23 กันยายน 2561 ประกอบด้วย 1.ร.ต.อ.ปรีชาภัทร สังข์น้อย รอง สวป.สภ.เมืองภูเก็ต 2.ด.ต.โกสุน สุชาติ ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เมืองภูเก็ต 3.ส.ต.ท.สมชาย สาระพัตร ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เมืองภูเก็ต 4.ส.ต.ท.อุกกฤษฎ์พิบูลย์ ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เมืองภูเก็ต 5.พ.ต.ต.สัณหวิชญ์ สนิทวงศ์ สวป.สภ.เชิงทะเล 6.ร.ต.อ.จีระ เชิดฉาย รอง สวป.สภ.เชิงทะเล 7.ส.ต.ต.ทศพล ละอองทอง ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เชิงทะเล ส่วนอีก 2 คนเป็นอส.ตร.ขณะนี้ให้พักงานไปก่อน คือ นายวิโรตม์ บุญเดช และ นายพงษ์ศักดิ์ โต่งกาพงษ์ อส.ตร.สภ.เมืองภูเก็ต

แชร์คลิปแหกด่านตร.

ซิ่งหนีชนจยย.วินาศ

        อย่างไรก็ตามหลังจากมีการเคลื่อนศพผู้เสียชีวิต มายังศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ปรากฏว่า ในโลกโซเชียลได้มีผู้ใช้เฟชบุ๊คหลายราย นำภาพคลิปนาที ที่ นายชิษณุพงษ์ เครือจันทร์ อายุ 29 ปี ซึ่งขับรถกระบะหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต พุ่งชนรถที่จอดติดไฟแดงอยู่บริเวณสามแยกโรงไฟฟ้า ถนนเทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต อย่างจัง จนรถจักรยานยนต์กระเด็นไปไกล ส่วนรถกระบะคันที่ก่อเหตุได้ขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว โดยมีรถกระบะของตำรวจขับตามไป ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นมีรถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหายจำนวน 2 คัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 คน และบาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน

         โดยผู้โพสต์ต่างก็ออกมาถามหาความรับผิดชอบของคนขับรถกระบะที่พุ่งชนรถที่จอดติดไฟแดงจนเป็นเหตุให้รถเสียหาย และ มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว หลังจากมีการโพสต์คลิปดังกล่าวออกไป ปรากฏว่ามีคนแชร์ และร่วมแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก และอยากให้มีการรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย

         ส่วนกรณี นายชิษณุพงษ์ เครือจันทร์ ผู้ตายซึ่งขับรถแหกด่านตรวจ และชนรถจักรยานยนต์ที่จอดรอไฟแดงจนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ต.ต.ธีระพล  กล่าวว่า ในส่วนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีก็ต้องดำเดินคดีต่อผู้ที่ก่อเหตุ แม้ว่าขณะนี้จะเสียชีวิตแล้วก็ตาม แต่ก็จะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งทราบว่าเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาพยายามฆ่า

         จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองภูเก็ตและสภ.เชิงทะเลร่วมกันวิสามัญ นายชิษณุพงษ์ เครือจันทร์ อายุ 29 ปีเสียชีวิต เมื่อเวลาประมาณ 01.30น.ของวันที่ วันที่ 18 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา หลังจากที่ผู้ตายได้ขับรถแหกด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจในตัวเมืองภูเก็ต และหลบหนีไปทางพื้นที่สภ.เชิงทะเล ซึ่งระหว่างที่หลบหนีนั้น นายชิษณุพงษ์ ผู้ตายได้ขับรถยนต์กระบะพุ่งชนรถจักรยานยนต์จำนวน 2 คันที่จอดติดไฟแดงบริเวณสามแยกไฟแดงหน้าโรงไฟฟ้า ถนนเทพกระษัตรีฝั่งขาออก ต.รัษฏา อ.เมืองภูเก็ต จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย

เปิดตัวผู้บาดเจ็บ3คน

ถูกรถแหกด่านชน

         เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2561 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พูดคุยกับผู้ได้รับบาดเจ็บจากการขับรถแหกด่านหนีตำรวจของนายชิษณุพงษ์ คือ นายซำซูรีย์ 1 ใน 3 ราย ดังกล่าว เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้รับบาดเจ็บที่บริเวณเอวและสะโพกจากการถูกกระแทก

         นายซำซูรีย์ ขอสงวนนามสกุล บอกว่า ในวันเกิดเหตุตนเองและเพื่อนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากธุระเพื่อไปบ้านพักที่ ต.เกาะเก้ว ขณะที่กำลังจอดติดไฟแดงอยู่ข้างๆ กับรถจักรยานยนต์ของผู้ได้รับบาดเจ็บอีกคัน ได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถดังมาจากด้านหลัง จะหันกลับไปดู แต่ไม่ก็ถูกชนกระแทกจากด้านหลังอย่างจังจนกระเด็นไป ทั้งคนทั้งรถ รวมถึงผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 รายกระเด็นไปตกที่กลางถนน แล้วรถคันดังกล่าวหักหลบ และขับหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยรถตำรวจไล่ไปติดๆ

         หลังเกิดเหตุพบว่า รถจักรยานยนต์ของตนพังเสียหาย และตนเองได้รับบาดเจ็บที่เอวและสะโพก แต่ไม่ได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาล ขณะนั้นตนเองก็ไม่ทราบว่าเป็นการขับรถแหกด่านเจ้าหน้าที่ แต่คิดว่ารถคันดังกล่าวอาจจะมีปัญหาเรื่องระบบเบรกทำให้พุ่งชน ซึ่งมาทราบภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่เชิญตัวไปสอบปากคำแล้ว  อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนเองยังรู้สึกผวา เมื่อขับขี่รถจักรยานยนต์และจะคอยมองกระจกมองข้างและฟังเสียงที่ดังผิดสังเกตอยู่ตลอดเวลา

         อย่างไรก็ตาม ผู้บาดเจ็บซึ่งถูก นายชิษณุพงษ์ขับรถพุ่งชนอีก  2 รายนั้น ขณะนี้ออกจากโรงพยาบาลและพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน คือ นายนภดล บรรเลง อายุ 22 ปี และแฟนสาว น.ส.ศิริพร แก้วรากมุข อายุ 21 ปี ซึ่ง นายนภดลได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะแตกเย็บ 6 เข็ม ส่วน น.ส.ศิริพร ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ แขน ขา ต้องเย็บแผลประมาณ 16 เข็ม

แจ้งข้อหาตร.ชุดวิสามัญ

ร่วมกันฆ่าโดยเจตนา

         ขณะที่ พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวถึงการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติการวิสามัญหนุ่มขับรถแหกด่านฯว่า ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้เสนอย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจฯ ทั้ง 7 นายมายังตนแล้ว และขณะนี้ก็มีคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่ตำรวจภูธรจังหวัดพังงาเป็นการชั่วคราว ในระหว่างการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งเพื่อลดความกังวลของผู้สูญเสีย และขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานด้วย พร้อมกันนี้ยังได้กำชับไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ให้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบสวนข้อเท็จจริงให้ทราบผลโดยเร็ว และต้องละเอียดรอบคอบ เพราะเรื่องนี้มีผลกระทบต่อขวัญ และกำลังใจของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้วยเช่นกัน

        ด้าน นายอรุณ เครือจันทร์ บิดาของ นายชิษณุพงศ์ เครือจันทร์ อายุ 29 ปี ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญหลังขับรถแหกด่านฯ กล่าวว่า ในส่วนของศพลูกชายขณะนี้ได้เคลื่อนย้ายมาเก็บไว้ที่โรงพยาบาลถลาง เพื่อรอผลการพิสูจน์วิถีกระสุนจากทาง ศูนย์พิสูจน์หลักฐานจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งหลังจากทราบผล จะมาตัดสินใจอีกครั้งว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ขณะนี้ยังบอกอะไรไม่ได้ หากผลออกมาไม่เป็นไปตามหลักฐานที่มีอยู่โดยเฉพาะคลิปวิดีโอที่ปรากฏ ก็จะมีการส่งศพไปตรวจต่อที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และหลังจากนั้นจะมีการพิจารณาอีกครั้งว่า จะฟ้องร้องดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานว่า กระทำเกินกว่าเหตุ หรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์วิถีกระสุนที่ชัดเจนอีกครั้ง

         ส่วน พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า เรื่องของคดีขณะนี้ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาตำรวจทั้ง 7 นาย ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา คดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน ตำรวจต้องทำคดีอย่างรอบคอบ ตำรวจไม่ได้ทำคดีเพียงลำพังมีอัยการ-ฝ่ายปกครอง เข้ามาร่วมสอบสวนด้วย

         ในส่วนของที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าตำรวจทิ้งปืนหลังเกิดเหตุ ในส่วนนี้ตนได้สอบถาม พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองภูเก็ตแล้ว ทราบว่าคนที่ถูกตั้งข้อสงสัยนั้น เป็นเจ้าหน้าที่อาสาไม่ได้เป็นตำรวจ และไม่ได้เข้าใกล้ที่เกิดเหตุอยู่ห่างที่เกิดเหตุประมาณ 20 เมตร ทราบว่าสิ่งที่โยนไปคือ หน้ากากหมวกกันน็อคที่ตกแตก ไม่ใช่ปืน ถ้าเขาจะโยนปืน ถามว่าเขาจะโยนทำไม

         พล.ต.ต.ธีระพล กล่าวอีกว่า ตำรวจไม่ได้ทำคดีโดยช่วยเหลือพวกกันเอง แต่ทำคดีให้ตรงไปตรงมา เพื่อความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย หากญาติผู้ตายมองว่าไม่เป็นธรรมก็สามารถไปตั้งทนายฟ้องร้องคดีเองได้ กระบวนการยุติธรรมมี 3 ศาล ในส่วนของตำรวจเขาก็มีสิทธิที่จะต่อสู้คดีของเขาได้เช่นกัน  หลังเกิดเหตุทางผู้ใต้บังคับบัญชาเสียขวัญกำลังใจ แต่ตนก็ได้เรียกประชุมว่าไม่ต้องกังวลให้ทุกคนทำงานให้เต็มความสามารถ ดูแลความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้ประชาชนจนเต็มความสามารถ ทุกคนก็มีขวัญกำลังใจขึ้น

         เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2561 ที่ สภ.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต คณะพนักงานสอบสวน ซึ่งประกอบด้วย ตำรวจ อัยการ ผู้แทนจากสภาทนายความ  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เรียก เจ้าหน้าที่ตำรวจ 7 นาย ประกอบด้วย  1. ร.ต.อ.ปรีชาภัทร สังข์น้อย  รอง สวป.สภ.เมืองภูเก็ต 2. ด.ต.โกสุน สุชาติ  ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เมืองภูเก็ต 3. ส.ต.ท.สมชาย สาระพัตร  ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เมืองภูเก็ต 4. ส.ต.ท.อุกกฤษฎ์ พิบูลย์  ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เมืองภูเก็ต 5. พ.ต.ต.สัณหวิชญ์ สนิทวงศ์  สวป.สภ.เชิงทะเล 6. ร.ต.อ.จีระ เชิดฉาย  รอง สวป.สภ.เชิงทะเล 7. ส.ต.ต.ทศพล ละอองทอง  ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เชิงทะเล สอบปากคำที่ห้องประชุม สภ.เชิงทะเล

         โดยการเรียกมาสอบปากคำ ต่อหน้าคณะกรรมการ ทีละคน จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งในเบื้องต้นทางคณะพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 7 นาย ในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

         ขณะที่ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ร.ต.ท.หญิงวิภาวรรณ วัธนเงินทนง รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ต ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรสอบสวนคดีจราจร ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน คดี นายชิษณุพงษ์ เครือจันทร์ ขับรถยนต์กระบะ ชนรถจักรยายนต์จำนวน 2 คัน ขณะจอดติดไฟแดง หลังขับรถแหกด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต จนเป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์ เสียหาย 2 คัน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน ได้ลงพื้นที่ เกิดเหตุเพื่อเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนที่จะมีการแจ้งข้อกล่าวหา

         พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนที่เกี่ยวพันของพื้นที่ สภ.เมืองภูเก็ต นั้นมีการกระทำผิดเกิดขึ้น 2 ส่วน คือ ขับรถแหกด่านตรวจ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และการตรวจสอบกล้อง รวมทั้งคลิปต่างๆ ว่าจะเข้าข่ายกระทำผิดเกี่ยวกับอะไรบ้าง ส่วนอีกกรณี คือ การขับรถชนรถที่ติดไฟแดง ซึ่งทั้ง 2 ส่วนทางพนักงานสอบสวนกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และเตรียมแจ้งข้อกลางหา เพื่อให้เป็นไปตามประมวลกฎหมาย คาดว่าเร็วๆนี้จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้