คดี“เรือฟินิกซ์”นอมินีชัวร์ พบเส้นทางเงินโอนไปจีน

          รอง ผบ.ตร.”รุ่งโรจน์ แสงคร้าม” ยกทีมแถลงผลสืบสวนแกะรอย “นอมินีเรือฟีนิกซ์” พบเส้นทางการเงิน โอนไปมากับ เจ้าของตัวจริงในจีน จับแม่ กับพี่ชายเพิ่มอีก  เผยประวัตินอมินีสาวรับจ้างมาแล้วหลายบริษัท ปปง.รับลูกสานต่อตามรอยทุนนอมินีแตกไลน์ จ่อตามยึดทรัพย์ ทนายผู้ต้องหายื่นปปช.สอบ ตร. “มัดมือชก” ด้านรมต.ท่องเที่ยวฯ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเรือล่ม นักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต 47 ศพ 3 ประเด็น ที่จีนสนใจ ทั้งสาเหตุเรือล่ม การเยียวยา และมาตรการรปภ.ทางทะเล อบจ.ภูเก็ตอัดงบ 114 ล้านท่าเรืออ่าวฉลอง เพิ่มทุ่นลอยจอดเรือ ให้ทันซีซั่นนี้ ส่วนจังหวัดชงของบ 400 ล้าน เข้าครม.สัญจรชุมพร-ระนองนัดที่ผ่านมา เพิ่มศักยภาพ ดูแล รปภ. ทางทะเล จังหวัดจัดงานทำบุญใหญ่ 4 ศาสนา อุทิศส่วนกุศลให้ นักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตครบ 49 วันเรือล่ม อย่างสมเกียรติที่ปลายแหลมสะพานหิน เรียกคืนความเชื่อมั่น

แกะรอย “นอมินีสาว”

พบการเงินโอนไปจีน

         เมื่อบ่ายวันที่ 27 สิงหาคม 2561 เวลา 15.30 น. ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย  พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รอง ผบช.สกบ. พล.ต.ต.ดำรัส วิริยะกุล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 นายพีรพัฒน์ อิงค์พงศ์พันธ์ ผอ.กองคดีอาญา 1 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. และ พล.ต.ต.ปรีดีย์ พงศ์เศรษฐสันต์ ร่วมกันแถลง ผลการสืบสวน ดำเนินคดี กรณีเรือฟีนิกซ์ล่ม เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา จนทำให้นักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต 47 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส จำนวน 1 คนและ บาดเจ็บเล็กน้อย 11 คน

         พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้มีคำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 451/2561 เรื่องแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ เป็นคดีที่น่าสนใจ และให้ทำการสืบสวนความผิดเกี่ยวพันกับคดีอาญาอื่น เชื่อมโยงกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลหลายกลุ่ม รวมทั้งนิติบุคคล กรรมการผู้จัดการ โดยพนักงานสืบสวนสอบสวน และได้ใช้เวลาค้นหาหลักฐานรอบด้านมาโดยตลอด

         จากการตรวจสอบพบว่า เรือฟินิกซ์ ที่อับปาง เป็นของบริษัท ทีซี บลู ดรีม จำกัด ต่อมาจากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจำนวน 3 คน ประกอบด้วย  นายสมจริง บุญธรรม อายุ 50 ปี (กัปตันเรือฟินิกซ์) นายอ่อนจันทร์ กัณหาโยธี อายุ 57 ปี (นายช่างเรือฟินิกซ์) น.ส.วรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล อายุ 26 ปี (ในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้บริหารและกรรมการ บริษัท ทีซี บลู ดรีม จำกัด) ในความผิดฐาน “กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” ปัจจุบันคณะพนักงานสอบสวนกำลังสรุปสำนวนการสอบสวนมีความเห็นทางคดีส่งสำนวนสอบสวนให้กับพนักงานอัยการเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาต่อไป

         และจากการสืบสวนขยายผล บริษัท ทีซี บลู ดรีม จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของเรือฟินิกซ์ พบว่า บริษัทจัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2559 ในการยื่นขอจดทะเบียน มีผู้เริ่มก่อการและผู้ถือหุ้นจำนวน 3 คน คือ นางสาววรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล, นายจักรพันธ์ ฤกษ์ชัยกาล และนางยินดี ฤกษ์ชัยกาล มีกรรมการ ผู้มีอำนาจเพียงผู้เดียวคือ นางสาววรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล และในวันเกิดเหตุ นางสาววรลักษณ์ ก็มาแสดงตัวเป็นเจ้าของบริษัทฯ

จับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 คน

เผยประวัติ “นอมินีสาว”

         พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติของ น.ส.วรลักษณ์ พบว่า มีสามีเป็นคนจีน นอกจากนั้นพนักงานสืบสวนสอบสวน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.), เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้สืบสวนจากพยานบุคคล และตรวจสอบเส้นทางการเงินของ บริษัท ทีซี บลู ดรีม จำกัด เป็นบริษัทนอมินี ของคนต่างชาติ ที่มี น.ส.วรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล แสดงตนเป็นเจ้าของ และถือหุ้นแทน จากนั้นได้รวบรวมพยานหลักฐานไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง จังหวัดภูเก็ต เพื่อขอออกหมายจับเพิ่ม

         อย่างไรก็ตามหลังจากมีการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ขณะนี้ศาลจังหวัดภูเก็ต ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา เพิ่มเติม จำนวน 4 รายคือ  1.น.ส.วรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล กรรมการ บริษัท ทีซี บลู ดรีม จำกัด ซึ่งเป็นนอมินีคนไทย ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 357/2561 ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2561 2.MR.LEI HOU (เหล่ย ฮัว) สัญชาติจีน ซึ่งเป็นเจ้าของเงินทุนและเจ้าของบริษัทที่แท้จริงตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 358/2561 ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2561 3.นางยินดี ฤกษ์ชัยกาล อายุ 50 ปี (ผู้ถือหุ้นบริษัท ทีซี บลู ดรีม จำกัด) ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 372/2561 ลงวันที่ 23 สิงหาคม 2561 4.นายจักรพันธ์ ฤกษ์ชัยกาล อายุ 31 ปี (ผู้ถือหุ้นบริษัท ทีซี บลู ดรีม จำกัด) ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 371/2561 ลงวันที่ 23 สิงหาคม 2561 ในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว(ธุรกิจนำเที่ยว) โดยแสดงออกว่า เป็นธุรกิจของตนแต่เพียงผู้เดียว และถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในบริษัทจำกัด เพื่อให้คนต่างด้าว ประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และเป็นการที่คนต่างด้าวยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยกระทำการดังกล่าว”

 

         อย่างไรก็ตามในวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถ จับกุมตัวผู้ต้องหาได้จำนวน 2 คน คือ นางยินดี ฤกษ์ชัยกาล และนายจักรพันธ์ ฤกษ์ชัยกาล นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการสอบปากคำ  ส่วน น.ส.วรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล ปัจจุบันถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำจังหวัดภูเก็ต พนักงานสอบสวนจะได้อายัดตัว และเข้าไปแจ้งความเพิ่มเติมที่เรือนจำ ส่วน MR.LEI HOU (เหล่ย ฮัว) สัญชาติจีน ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ได้ออกประกาศสืบจับไว้แล้ว และเร่งจับกุมตัว มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

         พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อไปว่า โดยที่ผ่านมาจากการตรวจสอบพบว่า หลังจากจบการศึกษา นางสาววรลักษณ์  ก็เริ่มต้นด้วยการ เป็นกรรมการบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยว หลายบริษัทด้วย ตั้งแต่ ปี 58 – 60 จนกระทั้งปี 60 มาเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ทีซี บลู ดรีม จำกัด ซึ่งตั้งแต่จบมาก็ไม่ได้ทำอะไร นอกจากรับเป็นนอมินีให้ชาวต่างชาติ ซึ่งการดำเนินคดีในครั้งนี้เป็นการดำเนินคดีตามกฎหมาย ปปง. และมาตรการภาษี ที่แจ้งว่า มีรายได้เดือนละ 2 แสน แต่มีรายได้มากกว่าเดือนละ 1 ล้าน ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงภาษีอย่างชัดเจน สิ่งเหล่านี้จะรายงานไปยังรัฐบาลจีนเพื่อให้ทราบถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ทั้งหมด ซึ่งร่วมไปถึงหน่วยงานราชการที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย เพราะทางการจีนเองต้องการทราบว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวเสียชีวิต

         ส่วนกรณีเจ้าท่าสาขาภูเก็ตนั้นก็ได้มีการดำเนินคดีในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แล้ว เนื่องจากในวันที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่มีการปล่อยเรือออกจากท่า ซึ่งขณะนี้ได้ส่งเรื่องให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแล้ว

 

จับ “นอมินี” รายใหม่

ปลอมบัตรตั้งบริษัททัวร์

         พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ยังได้กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสอบเรื่องของนอมินี ในจังหวัดภูเก็ตพบว่ายังมีอยู่อีกจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะทำเกี่ยวกับเรื่องการท่องเที่ยว เงินที่ได้มาถูกส่งออกไปยังเจ้าของตัวจริงที่ไม่ใช่คนไทย จึงอยากให้คนไทยเป็นเจ้าของธุรกิจที่แท้จริงอย่าไปทำตัวเป็นนอมินี  ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าพฤติกรรม และเส้นทางในการทำงานจะมีลักษณะคล้ายๆ กัน คือการส่งเงินมาจากต่างประเทศ ผ่านนอมินีที่เป็นไทย ในการบริหารจัดการและใช้ เมื่อได้เงินมานอมินีคนไทยก็จะส่งกลับไปยังชาวต่างชาติ ซึ่งตนมาวันนี้ก็เพื่อที่จะทำให้นอมินีหมดไปจากจังหวัดภูเก็ต และให้คนไทยมีที่ยืน แต่การจะใช้กฎหมายเข้ามาดำเนินการเพียงอย่างเดียวในการจัดการกับนอมินีเชื่อว่าไม่สามารถทำได้ จะต้องอาศัยความร่วมมือของคนในพื้นที่ด้วย

        พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ยังได้กล่าวต่อไปว่า ในการดำเนินการกับผู้ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทนำเที่ยวไม่ถูกต้องนั้น ทางตำรวจท่องเที่ยว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้ ได้มีการจับกุม นายสงกรานต์ สุกิตติกุล ที่อยู่ 125/320 หมู่ 5 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต ซึ่งได้รับแจ้งจากสายลับว่าน่าจะเป็นบุคคลได้รับบัตรประชาชนมาโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากตรวจสอบจึงได้ขอศาลอนุมัติหมายจับ ในข้อหา

         1. พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน มาตรา 14 “ยื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทยด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ หรือปกปิดความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และใช้หรือแสดงบัตรประชาชนอันได้มาหรือเกิดจากการกระทำผิด”

         2. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 “แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำผิดการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชน หรือเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการ ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”

         3. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 “ใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำผิดมาตรา 267แห่งประมวลกฎหมายอาญา”

         ด้าน นายพีรพัฒน์ อิงค์พงศ์พันธ์ ผอ.กองคดีอาญา 1 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. กล่าวว่า ภายหลังจากที่เกิดเหตุเรือล่ม ทาง ปปง.ได้เข้าร่วมทำคดีกับพนักงานสอบสวนตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุการณ์ จากการสอบสวนพบเส้นทางการเงินของ น.ส.วรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล กรรมการ บริษัท ทีซี บลู ดรีม จำกัด เจ้าของเรือฟีนิกซ์ ผู้ต้องหา พบผู้ต้องหามีเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยง และเกี่ยวข้องกับคนต่างชาติอย่างชัดเจน มีการโอนเงินจากต่างประเทศมายังผู้ต้องหา ผู้ต้องหาได้โอนเงินต่อไปยังเจ้าของอู่ต่อเรือ เพื่อชำระค่าต่อเรือฟีนิกซ์ และเมื่อมีการนำเรือมาประกอบการ ก็มีการโอนเงินจากผู้ต้องหาไปยังบุคคลที่อยู่ในต่างประเทศ มีการระบุคนโอนและคนรับอย่างชัดเจน โอนกันไปมาอย่างต่อเนื่อง

         “เส้นทางการเงินชัดเจนมากระหว่างผู้ต้องหาที่อยู่ในประเทศไทยกับผู้ต้องหาที่อยู่ในประเทศจีน จึงสรุปได้ว่าผู้ต้องหาเป็นนอมินีให้กับคนต่างชาติ หลังจากนี้ ทางปปง.จะติดตามตรวจสอบเงินที่ได้จากการเป็นนอมินีของผู้ต้องหา ว่าได้เอาไปลงทุนในส่วนไหนบ้าง เพื่อทำการยึดทรัพย์ต่อไป”

         ขณะที่ พล.ต.ต.ปรีดีย์ พงศ์เศรษฐสันต์ รองผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ กล่าวว่า สำหรับการตรวจพิสูจน์หลักฐานชิ้นสำคัญ คือ เรือฟีนิกซ์ ต้องรอให้ทางกรมเจ้าท่ากู้ขึ้นมา เมื่อกู้ขึ้นมาแล้ว ทางผู้เชี่ยวชาญและพนักงานสอบสวน จะเข้าไปดำเนินการใน 3 เรื่อง คือ

          1. การตรวจสอบทางกายภาพของเรือทั้งหมด ว่าสภาพเรือเป็นอย่างไร ชำรุด และเสียหายมากน้อยแค่ไหน

          2. ร่วมกันพิสูจน์โครงสร้างเรือเปรียบเทียบกับแบบแปลนที่ได้รับอนุมัติจากกรมเจ้าท่าตรงกับการต่อเรือหรือไม่ ทั้งในส่วนของวัสดุและเครื่องยนต์ และ

         3. ตรวจสอบแบบแปลนเรือ ว่าตรงตามมาตรฐานการต่อเรือระดับสากลหรือไม่ ทั้งในเรื่องโครงสร้างเรือ เครื่องยนต์ ซึ่งการตรวจสอบเรือลำดังกล่าว เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ในการเป็นหลักฐานพยานของคดีนี้

ทนายผู้ต้องหาแจ้ง “ปปช.”

ตร.สอบ “แบบมัดมือชก”

         อย่างไรก็ตาม หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาที่เป็นแม่ และพี่ชายของ น.ส.วรลักษณ์ มาสอบปากคำ ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ทีมทนายความและที่ปรึกษาทนายความ น.ส.นลิน อินทรสมบัติ ทนายความผู้ถูกกล่าวหาคดีเรือฟีนิกซ์ล่ม พร้อมด้วย นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ที่ปรึกษาทนายความ ได้เดินทางมาร่วมรับฟังการสอบปากคำเพื่อเตรียมยื่นคำขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายที่ถูกควบคุมตามหมายศาล

         นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ที่ปรึกษาทนายความ กล่าวว่า ที่ตนเดินทางมาในครั้งนี้ สืบเนื่องจากตนมาทำธุระอยู่ที่จังหวัดพังงา และทราบว่าลูกความซึ่งเป็นแม่ และพี่ชายของ น.ส.วรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล กรรมการ บริษัท ทีซี บลู ดรีม จำกัด ถูกเจ้าหน้าที่ฯ จับกุมตัวมาดำเนินคดี ตนจึงได้เดินทางมาดูการสอบสวน และเพื่อเตรียมยื่นประกันตัว ซึ่งการประกันตัวนั้นอยู่ที่ดุลพินิจของพนักงานสอบสวนว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่

        นายนิพิฎฐ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ผู้ต้องหาไม่มีโอกาส และเสรีภาพต่อสู้คดี ในขณะที่หน่วยงานของภาครัฐทุกหน่วยงานเดินทางลงมาทำคดีนี้ แต่เราไม่สามารถหาพยานหลักฐานในการต่อสู้คดี ก็เหมือน “มัดมือชก” แต่ตนมั่นใจถ้าผู้ต้องหาออกจากเรือนจำได้จะสามารถหาพยานหลักฐานมาสู้คดีได้ และตนคิดว่าภายในสัปดาห์นี้ตนจะเดินทางไป ป.ป.ช. ไปแจ้งเรื่องที่พนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนจะพาดพิงไปถึงใครแล้วแต่ทาง ป.ป.ช.จะมีการสอบสวนต่อไป

รมว.ท่องเที่ยวฯ ลงพื้นที่

ขอทราบ 3 ประเด็นเรือล่ม

         เมื่อบ่ายวันที่ 19 สิงหาคม 2561 เวลา 15.00 น.เศษ นายวีรพศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางมาประชุมร่วมกับ นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พลเรือโทสมนึก เปรมปราโมทย์ ผู้บัญชาการทัเรือภาคที่ 3 หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าสาเหตุเรือฟีนิกซ์ล่ม เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิต 47 ราย ที่ศูนย์ควบคุมเรือจังหวัดภูเก็ต ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง

          โดยมีประเด็นหลัก 3 เรื่องด้วยกัน คือ สาเหตุของอุบัติเหตุเรือล่ม การให้การช่วยเหลือเยียวยา และมาตรการความปลอดภัยทางทะเลที่ทางจังกวัดภูเก็ตได้ออกประกาศควบคุมเรือที่จะออกจากฝั่ง ฉบับวันที่ 16 กรกฎาคม 2561ที่ผ่านมา โดยทั้ง 3 เรื่องนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาจะนำไปสื่อสารกับทางการจีน รวมถึงสื่อมวลชนจีน ในโอกาสที่จะเดินทางไปพบปะกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องและวัฒนธรรมของจีนภายในเดือนสิงหาคมนี้

        ในส่วนของสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุเรือล่มในครั้งนี้ นอกจากเรื่องสภาพคลื่นลมแรงแล้ว ส่วนสาเหตุอื่นๆ จะต้องรอการตรวจพิสูจน์เรือฟีนิกซ์ก่อน จึงจะสามารถสรุปสาเหตุที่ชัดเจนได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการกู้เรือของกรมเจ้าท่าฯ แต่ยังไม่สำเร็จ เนื่องจากสภาพคลื่นลมแรง รวมทั้งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งแต่งตั้งพนักงานสอบสวนในการทำคดีเรือฟีนิกซ์ล่มเป็น 102 นาย เพื่อสืบสวน และตรวจสอบอย่างละเอียดรอบครอบที่สุด

        ทางด้านการเยียวยาให้การช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตนั้น มีความคืบหน้าไปมากแล้ว บริษัทประกันภัย จ่ายเงินชดเชยไปแล้ว 46 ราย เหลือเพียง 1 รายเท่านั้น ที่เลขที่บัญชีมีปัญหา ซึ่งเรื่องนี้ได้ประสานกับทางกงศุลจีนที่ภูเก็ตอย่างใกล้ชิด ส่วนเงินกองทุนช่วยเหลือนักท่องเที่ยวนั้น จ่ายแล้ว 42 ราย และจะจ่ายเพิ่มอีก 4 รายในวันจันทร์ จะเหลือ 1 ราย ที่ทางบริษัทประกันรอความชัดเจนในส่วนของเลขที่บัญชี

         ส่วนเรื่องสุดท้าย มาตรการความปลอดภัยทางทะเล ที่จังหวัดภูเก็ตได้ประกาศไปนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า มาตรการที่ทางจังหวัดได้ประกาศไป เรือทุกลำจะต้องออกจากจุดเช็คพอยท์ใน 24 ท่าเรือที่กำหนด เรือที่จะออกจากท่าจะต้องมีสภาพที่ปลอดภัย ทั้งตัวเรือ นายท้ายเรือ คนเรือ รายชื่อผู้โดยสาร ผู้โดยสารจะต้องเดินผ่านกล้องCCTVเพื่อบันทึกหน้าตา และจะต้องปฏิบัติตามประกาศสภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา จัดชุดเฉพาะกิจลาดตระเวนตรวจสอบเรือที่ฝ่าฝืนประกาศดังกล่าว รวมไปถึงการเชื่อมโยงข้อมูลผู้โดยสารออนไลน์ทุกท่าเรือ ซึ่งทางดีป้าได้ดำเนินการและมีการอบรมผู้ประกอบการไปแล้ว

อบจ.อัดงบ 144 ล้านบาท

เพิ่มทุ่นจอดเรืออ่าวฉลอง

          ผลการปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว ยังมีปัญหาอยู่บ้าง ในส่วนของท่าเรือขนาดเล็กที่ไม่มีความพร้อม หากเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ที่บริการโดยเอกชนจะมีความพร้อมมากกว่า และโดยเฉพาะท่าเรืออ่าวฉลอง ซึ่งมีเรือเข้า-ออกทุกขนาด และมีเป็นจำนวนมาก เกรงว่าในช่วงไฮซีชั่นจะเกิดความไม่สะดวก ทางอบจ.ภูเก็ต จึงได้จัดสรรงบประมาณ 144 ล้านบาท ปรับปรุงและพัฒนาให้ทันรองรับ โดยจะเพิ่มทุ่นลอยจอดเรือ และอื่นๆ รวมทั้งจะของบประมาณปรับปรุงระบบติดตามเรือ VTMS ที่ท่าเรืออ่าวฉลอง ศูนย์เฝ้าระวังและช่วยเหลือนักท่องเที่ยว อีกกว่า 500 ล้านบาท

         การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ในช่วงแรกมีผู้ประกอบการออกมาโวยวายบ้างถึงความไม่สะดวกในเรื่องของการให้เรือออกจากท่า และการประกาศห้ามเรือออกจากฝั่ง แต่ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับสถานคลื่นลมและทะเลภูเก็ต โดยให้กำหนดห้ามเป็นเส้นทางที่มีความเสี่ยง เป็นต้น

         อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ได้สอบถามเรื่องการขึ้นธงแดงที่บริเวณท่าเรือ ที่เป็นธงแดงและธงเขียว ในวันเกิดเกตุ ที่เป็นที่สนใจของสื่อจีน แบบแปลนเรือฟีนิกซ์ การจ่ายเงินเยียวยาที่กำลังดราม่าในโซเชียลของชาวจีนที่จะระดมเงินช่วยเหลือครอบครัวที่ยังไม่ได้รับเงิน ใบนายท้ายเรือของกัปตัน เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสื่อจีน

         นายสรายุทธ์ มัลลัม ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตนในฐานะตัวแทนผู้ประกอบการที่เข้าร่วมประชุมในวันนี้ อยากจะบอกว่า การที่ทางจังหวัดภูเก็ตออกประกาศห้ามเรือออกจากฝั่งแบบครอบคลุมทั้งหมดนั้น ทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบ ไม่สามารถออกเรือนำนักท่องเที่ยวไปยังเกาะที่อยู่ใกล้ๆได้ โดยเฉพาะเกาะเฮ ซึ่งอยู่ใกล้กับฝั่งมาก และคลื่นสูงไม่เกินสองเมตร และที่ผ่านมาไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเรือล่มเพราะถูกคลื่นซัด เพราะเป็นทะเลใน คลื่นลมสงบ และเป็นเกาะที่ปลอดภัยที่สุดในการทำกิจกรรมทางน้ำ

          การออกประกาศห้ามเรือออกจากฝั่งจะต้องคำนึงถึงผู้ประกอบการด้วย น่าที่จะประกาศเตือนเป็นเส้นทาง โดยเฉพาะเส้นทางเดินเรือที่มีความเสี่ยง เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ปลอดภัย และผู้ประกอบการอยู่ได้ด้วย มาตรการต่างๆ ที่ออกมานั้น ผู้ประกอบการพร้อมปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของนักท่องเที่ยว

         นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวภายหลังการประชุมว่า การมาภูเก็ตครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการกู้เรือฟีนิกซ์ ซึ่งเป็นวัตถุพยานหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่ยังไม่สามารถกู้ขึ้นมาได้ เนื่องจากสภาพคลื่นลมแรง หากกู้ขึ้นมาได้จะทำให้คดีมีความคืบหน้า รวมถึงสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ก็คงจะสรุปได้ และเพื่อประชุมร่วมกับผู้ว่าฯ ทัพเรือภาคที่ 3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อรับทราบสถานการณ์หลังจากที่มีการค้นหาศพผู้เสียชีวิตเสร็จสิ้นแล้ว ว่าในส่วนอื่นที่จะต้องดำเนินการยังมีอะไรอีก

         เท่าที่เห็น พบว่าการดำเนินการมีความคืบหน้า การเยียวยานั้นมีการจ่ายเงินชดเชยเกือบทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงรายเดียวที่เลขที่บัญชีมีปัญหา ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการประสานกับทางกงสุลที่ภูเก็ตอย่างใกล้ชิด มีการทำบุญใหญ่ครบรอบ 49 วัน มีการตั้งพนักงานสอบสวนเพิ่มเป็น 102 คน เพื่อสืบสวนในทุกประเด็น รวมไปถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยทางทะเลที่เดินมาถูกทางแล้ว มีความชัดเจนในเรื่องการควบคุมเรือออกจากฝั่ง และจะมีการกำหนดแนวทางเรือที่จะออกจากเกาะมายังฝั่งอีกต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความมั่นใจของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

         อย่างไรก็ตาม ในการเดินทางไปพบกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ จีนนั้น จะมีการสื่อสารในประเด็นที่ที่ทางจีนสนใจและกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด คือ สาเหตุจองเรือล่ม ที่มีการตั้งสมมุติฐาน จะมีความชัดเจนหลังกู้เรือขึ้นมา ได้ แจ้งมาตรการด้านความปลอดภัยทางทะเล สื่อสารกับทางฝ่ายจีนถึงเรื่องดราม่าต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 50 วันที่เกิดเหตุ และเชื่อว่าหลายเรื่อง จะแสดงตัวออกมาเอง และหลายเรื่องที่จะต้องพิสูจน์กันต่อไป เพื่อทำให้ข้อมูลที่สับสนลดลง

         ส่วนกรณีที่ทางจังหวัดภูเก็ตของบประมาณมาดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลความปลอดภัยทางทะเล 500 ล้านบาทนั้น นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ตัวเลขงบประมาณไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่ทางจังหวัดภูเก็ตจะต้องนำเสนอโครงการถึงความจำเป็น และประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นมากกว่า ในแต่ละปีภูเก็ตสามารถสร้างเม็ดเงินทางการท่องเที่ยวมหาศาล

         ส่วน นายวิวัธน์ ชิดเชิดวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ได้รายงานความคืบหน้าในการสืบสวนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุเรือฟีนิกส์ว่าขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาสาเหตุ  โดยได้มีการรวบรวมข้อมูลว่าในวันเกิดเหตุ เรือดังกล่าวฝ่าฝืนการแจ้งเตือนหรือไม่ เนื่องจากสภาพอากาศในวันดังกล่าวมีคลื่นลมแรง  และในส่วนของผู้ควบคุมเรือได้ดำเนินการอย่างมีวุฒิภาวะเพื่อการควบคุมเรือ และควบคุมฝูงชนหรือไม่ เนื่องจากลักษณะทางกายภาพของเรือ ที่มีช่องทางเข้าออกช่องทางเดียว ต้องสืบสวนข้อเท็จจริงว่าขณะเกิดเหตุทำให้ผู้โดยสารเกิดการแย่ง และไม่สามารถออกจากเรือได้จนทำให้เกิดความสูญเสียหรือไม่ อย่างไรก็ตามภายหลังเกิดเหตุกรมเจ้าท่า เร่งจัดหลักสูตรอบรมพัฒนาความรู้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับ อาทิ คนประจำเรือ ไกด์ รับฟังข้อมูล เพื่อเพิ่มและตระหนักถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวด้วย

         ด้าน พ.ต.อ.ภคยศ ทนงศักดิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรฉลอง กล่าวว่า ขณะนี้การสอบสวนทางตำรวจได้ดำเนินคดีกับเจ้าของเรือกัปตันและผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งได้มีการแจ้งข้อหาในเรื่องความประมาท ในส่วนของการสอบสวนขณะนี้คือจะต้องเร่งกู้เรือฟีนิกส์ให้ได้เพื่อนำเรือขึ้นมาตรวจสอบหาข้อมูลในเรื่องของความสมบูรณ์ของเรือ หรือข้อบกพร่องของเรือ จึงจะสามารถตอบโจทย์เพื่อสรุปหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุเรือล่มได้

          นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า  จังหวัดภูเก็ตได้ดำเนินการจัดระเบียบท่าเทียบเรือ ทั้ง 24 แห่งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และแต่งตั้งผู้จัดการท่าเทียบเรือทั้ง 24 แห่ง เพื่อทำหน้าที่ควบคุมมาตรการความปลอดภัยในการปล่อยเรือและผู้โดยสารที่เดินทางท่องเที่ยวทางทะเลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้จังหวัดจะจัดตั้งชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วเพื่อออกไปสุ่มตรวจเรือและนักท่องเที่ยว ในทะเลอันดามัน พร้อมทั้งให้ท่าเทียบเรือทั้ง 24 แห่ง ปรับปรุงพัฒนาท่าเทียบเรือให้ได้มาตรฐานตามที่จังหวัดกำหนด อาทิ การติดตั้งกล้อง CCTV การติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนทำความเข้าใจกับประชาชนและนักท่องเที่ยว ติดตั้งระบบฮาร์ดแวร์ทำการเชื่อมโยงเพื่อส่งข้อมูลข่าวสาร ของเรือ นักท่องเที่ยว และโปรมแกรมการเดินทางของเรือ  ในส่วนของการพัฒนาท่าเทียบเรืออ่าวฉลองขณะนี้จะมีการเร่งอบรมความรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการใช้ระบบฐานข้อมูล ที่ออกแบบโดย DEPA และต้องเร่งจะทำโป๊ะเพิ่มเพื่อรองรับเรือท่องเที่ยวที่มีจำนวนมาก

         โดยจังหวัดภูเก็ตร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต วางแผนเร่งปรับปรุงพัฒนาท่าเทียบเรือท่องเที่ยวอ่าวฉลอง ตั้งงบประมาณ 144,034,000 บาท ล้านบาท ดำเนินการ 9 โครงการ เพื่อเพิ่มมาตรการ ศักยภาพในการรักษาความปลอดภัยพร้อมรองรับการให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวด้วย

ภูเก็ตชงของบครม. 400 ล้าน

เสริมเขี้ยว รปภ.ทางทะเล

         เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2561 นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมวาระยามเช้าร่วมกับส่วนราชการ เพื่อติดตามความคืบหน้าการบริหารงานของจังหวัดภูเก็ต ณ.จวนผู้ว่าฯ พร้อมกับ เปิดเผยว่า ในการลงพื้นที่ และประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จังหวัดชุมพร และ ระนอง ระหว่างวันที่ 21 – 22 สิงหาคม 2561 นี้ ทางจังหวัดภูเก็ตได้เตรียมที่จะเสนอของบประมาณดำเนินการโครงการเพิ่มประสิทธิภาพศูนย์เฝ้าระวัง และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ที่อ่าวฉลอง จ.ภูเก็ต ด้วยงบประมาณกว่า 400 ล้านบาท

         ทั้งนี้ เนื่องจากทางจังหวัดภูเก็ตต้องการที่จะทำให้ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่อ่าวฉลอง ซึ่งมีอยู่แล้วในขณะนี้ และอยู่ภายใต้การดูแลของ อบจ.ภูเก็ต เป็นศูนย์ที่มีประสิทธิภาพในการเฝ้าระวัง และให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุทางทะเลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

         โดยการของบประมาณมาดำเนินการเพิ่มเติมจากที่ทางอบจ.ภูเก็ต ซึ่งสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตได้เห็นชอบให้นำงบประมาณเหลือจ่าย ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา จำนวน 144 ล้านบาท มาดำเนินการให้ท่าเรืออ่าวฉลองมีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยว และให้การช่วยเหลือ ทั้งในเรื่องของการปรับปรุงอาคารพักคอย ติดตั้ง CCTV จัดซื้อทุ่นลอย ติดตั้งป้าย LCD วิทยุสื่อสารพร้อมติดตั้ง เรือดับเพลิง ฯลฯ

         นายนรภัทร กล่าวอีกว่า ในส่วนของงบประมาณที่จะเสนอขอจาก ครม.สัญจร นั้น ได้นำมาดำเนินการปรับปรุงในส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ ของศูนย์ควบคุมการจราจรทางทะเล ซึ่งตั้งอยู่ที่ท่าเรืออ่าวฉลอง ที่ปัจจุบันอยู่ในสภาพที่ชำรุดไม่สามารถใช้งานได้เต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบ VTMS ระบบ AIS หรือระบบติดตามเรือ เรด้า รวมไปถึงเรือให้การช่วยเหลือขนาด 60 ฟุต เพื่อออกไปช่วยเหลือในภาวะที่คลื่นสูงเรือเล็กไม่สามารถออกทะเลได้ เรือพยาบาล และอื่นๆ

        ทั้งนี้เพื่อให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุกลางทะเลได้ทันท่วงที เพราะศูนย์แห่งนี้ จะมีความพร้อมทั้งในส่วนของบุคลากรและอุปกรณ์การให้การช่วยเหลือ ลดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ต้องการจะให้เกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากเหมือนกรณีของเรือฟีนิกซ์ล่มมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิตถึง 47 คน และเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกในการเดินทางท่องเที่ยวทางทะเล

ทำบุญใหญ่ 4 ศาสนาอุทิศ

ส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต

         วันนี้ 22 สิงหาคม 2561 เวลา 18.00 น. ที่ ปะรำมณฑลพิธีสะพานหิน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต   นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและ กีฬาเป็นประธาน ในพิธีทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลครบรอบ 49 วัน ให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เสียชีวิต กรณีประสบภัยทางทะเล เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561  โดยมี  นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายพิเชษฐ์  กิตติโกเมศ นายกสมาคมท่องเที่ยวไทย-จีน  หัวหน้าราชการ ภาครัฐเอกชน ประชาชน  นักท่องเที่ยว และสื่อมวลชนเข้าร่วมจำนวนมาก  โดยมีการประกอบพิธีกงเต็ก และพิธีกรรมทางศาสนา 4 ศาสนา  ได้แก่ ศาสนาพุทธ ประกอบพิธีสวดพระพุทธมนต์,ศาสนาคริสต์ ประกอบพิธีไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตครบรอบ 49 วัน ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู พิธีสวดมนต์ส่งดวงวิญญาณ และศาสนาซิกข์ พิธีขับร้องสรรเสริญพระเจ้าด้วยบทกีรตันและพิธีสวดอัรดาส ขอพรจากพระเจ้าเพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้แก่ผู้เสียชีวิต

         นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและ กีฬา  กล่าวว่า  รัฐบาลไทยต้องการจัดกิจกรรมเพื่อเยียวยาจิตใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เรือล่มเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 จึงมอบหมายให้  จังหวัดภูเก็ตร่วมกับ สมาคมท่องเที่ยวไทยจีน และคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวกำหนดจัดงานอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือฟินิกซ์ล่ม  ในระหว่างวันที่ 22-23 สิงหาคม 2561 ณ จังหวัดภูเก็ต โดยในส่วนของ การเยียวยาทรัพย์สินให้กับญาติของผู้เสียชีวิต ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว หลังจากนี้จะเป็นการเยียวยาด้านจิตใจโดยเฉพาะเรื่องของการดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งนี้ผ่านมา 49 วันการกู้เรือยังไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จสิ้นได้เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย แต่ในส่วนของการดำเนินคดีทางรัฐบาลให้ความสำคัญโดยแต่งตั้ง พล.ต.อ. รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเป็นประธานการดำเนินการสืบสวนสอบสวนและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจพนักงานสอบสวนมาดำเนินการในคดีนี้กว่า 100 คน

          นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากเหตุการณ์ภัยพิบัติทางทะเล บริเวณเกาะเฮ และเกาะไม้ท่อน จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิตจำนวน 47 ราย  จังหวัดภูเก็ต มีความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง และไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

         จังหวัดภูเก็ตได้ดำเนินการในการกู้ภัยและช่วยเหลือนักท่องเที่ยว การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิต และได้ดำเนินการออกมาตรการความปลอดภัยการท่องเที่ยวทางทะเล โดยได้บูรณาการด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องและบังคับใช้อย่างเข้มงวดเพื่อกู้ภาพลักษณ์และเรียกคืนความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ จังหวัดภูเก็ต ได้บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยว ในการจัดพิธีทำบุญครบรอบ 49 วัน ให้กับผู้เสียชีวิต ระหว่างวันที่ 22 – 23 สิงหาคม 2561 รวม 2 วัน วันแรกช่วงเย็นจัดให้มีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา 4 ศาสนาและพิธีกงเต็ก เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เสียชีวิตกรณีประสบภัยทางทะเล เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 และวันที่ 2 ช่วงเช้า จัดให้มีกิจกรรมเดิน – วิ่ง เชื่อมความสัมพันธ์ไทย – จีน คาดว่ามีผู้เข้าร่วม ประมาณ 1,000 คนเศษ ช่วงเย็นจัดให้มีพิธีถือศีลกินผัก สวดมนต์ นั่งสมาธิ อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต และพิธีจุดเทียนไว้อาลัย ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย – จีน กรุงเทพฯ และสมาคมท่องเที่ยวไทย – จีน ภูเก็ต โดยการสนับสนุนจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และคณะอนุกรรมาธิการด้านการท่องเที่ยว ในคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสมาคมท่องเที่ยวไทย – จีน ภูเก็ต และสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย – จีน กรุงเทพฯ โดยเชื่อมั่นว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ จังหวัดภูเก็ต จะสามารถเรียกคืนความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยจากนักท่องเที่ยวได้โดยไว และมีโอกาสได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้กลับมาเยือน “ดินแดนแห่งไข่มุกอันดามัน” อีกครั้งในโอกาสอันใกล้

จัดกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์

ไทย-จีนครบรอบ 43 ปี

         เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2561 เวลา 06.00 น.เศษ นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานและร่วมกิจกรรมเดิน-วิ่งเชื่อมสัมพันธ์ไทยจีน ณ บริเวณสะพานหิน โดยมี นายสนิท ศรีวิหค, นายประกอบ วงศ์มณีรุ่ง 2 รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการสมาชิกสมาคมท่องเที่ยวไทย-จีน ภูเก็ต, นักท่องเที่ยวและประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

         นายพิเชษฐ์ กิตติโกเมศ นายกสมาคมท่องเที่ยวไทยจีนภูเก็ต กล่าวรายงานว่า สมาคมท่องเที่ยวไทยจีนภูเก็ตร่วมกับภาครัฐเอกชนนักเรียนนักศึกษา และพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ตจัดกิจกรรมเดินวิ่งเชื่อมสัมพันธ์ไทยจีนในวันนี้ขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 43 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกับประเทศไทย ซึ่งได้มีการเชื่อมความสัมพันธ์กันเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2518 โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างไทยจีนได้มีการไปมาหาสู่กันฉันมิตรนับเป็นเวลากว่าพันปีโดยสร้างความผูกพันลึกซึ้งอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว และมี ความใกล้ชิดทางสายเลือดมีความคล้ายคลึงกันทางวัฒนธรรมดังคำกล่าวที่ว่า “จีนไทยใช่อื่นไกลพี่น้องกัน” นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นหัวใจของการท่องเที่ยวเป็นการรณรงค์เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยทั้งทางบก และทางน้ำเป็นพิเศษ

          นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ขอขอบคุณสมาคมท่องเที่ยวไทยจีนภูเก็ตและทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมในครั้งนี้ขึ้น โดยจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกในด้านความสวยงามและทิวทัศน์, หาดทราย, น้ำทะเลสีฟ้าใส และเกาะต่างๆ อีกทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งสร้างรายได้ให้กับจังหวัดภูเก็ตเป็นจำนวนมาก การสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อความมั่นใจในความปลอดภัย และภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเป็นอย่างมาก เนื่องจากความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินนับเป็นปัจจัยประการแรก ในการตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว สำหรับการจัดกิจกรรมในวันนี้ ถือได้ว่าจังหวัดภูเก็ตได้บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ให้มีการจัดกิจกรรมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตจากการประสบภัยทางทะเล เมื่อครบรอบ 49 วันตามประเพณีความเชื่อเมื่อวันพุธที่ 22 สิงหาคม 2561 และการจัดกิจกรรมเดิน-วิ่งเชื่อมสัมพันธ์ไทยจีนในวันนี้เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนได้เป็นอย่างดี

สวดมหาจักรพรรดิ”

ร่วมจุดเทียนไว้อาลัย

         ในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ (23 ส.ค.61) เวลา 18.00 น. ที่ปะรำมณฑลพิธีสะพานหิน นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน ในพิธีสวดมหาจักรพรรดิ พิธีถือศีลกินผัก สดมนต์นั่งสมาธิและจุดเทียนไว้อาลัยอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ในโอกาสครบรอบ 49 วัน ให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เสียชีวิต กรณีประสบภัยทางทะเล เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 โดยมี พล.ร.ท. สมนึก เปรมปราโมทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3,  Mr.Li Chunfu รองกงสุลใหญ่ และหัวหน้าสำนักงานกงสุลประจำจังหวัดภูเก็ต, นายพิเชษฐ์  กิตติโกเมศ นายกสมาคมท่องเที่ยวไทย-จีน ภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐเอกชน ประชาชน  นักท่องเที่ยว และสื่อมวลชนร่วมใจกันการแต่งกายด้วยชุดสีขาวเข้าร่วมพิธี

          โดยมีการประกอบพิธีถือศีลกินผัก และพิธีสวดมนต์ การสวดมหาจักรพรรดิ  ซึ่งเป็นการตั้งสัจจะอธิษฐานขอกราบขออาราธนาเมตตาบารมีรวมหลวงปู่ทวด บารมีรวมพระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆพระองค์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และอนาคต ร่วมกันภาวนาจิตกุศลแผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้ที่เสียชีวิต รวมทั้งเจ้ากรรมนายเวร และให้ผู้ที่เข้าร่วมพิธีได้ประสบกับสิ่งดีๆในชีวิต จากนั้นผู้เข้าร่วมพิธีได้รวมใจกันในการนั่งสมาธิเป็นเวลา 5 นาที เพื่อส่งจิตอันเป็นกุศลไปให้แก่ผู้ที่เสียชีวิต และร่วมกันจุดเทียนรำลึก แสดงความไว้อาลัยแก่ผู้เสียจากกรณีประสบภัยทางทะเล เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561  เนื่องในโอกาสที่ครบรอบ 49 วัน

         นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากเหตุการณ์ภัยพิบัติทางทะเล บริเวณเกาะเฮและเกาะไม้ท่อน จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิตจำนวน 47 ราย  จังหวัดภูเก็ต มีความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง และไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว  จังหวัดภูเก็ตได้ดำเนินการในการกู้ภัยและช่วยเหลือนักท่องเที่ยว การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิต และได้ดำเนินการออกมาตรการความปลอดภัยการท่องเที่ยวทางทะเล โดยได้บูรณาการด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องและบังคับใช้อย่างเข้มงวดเพื่อกู้ภาพลักษณ์และเรียกคืนความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยว

          ทั้งนี้ จังหวัดภูเก็ต ได้บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยว ในการจัดพิธีทำบุญครบรอบ 49 วัน ให้กับผู้เสียชีวิต ระหว่างวันที่ 22 – 23 สิงหาคม 2561 รวม 2 วัน โดยเชื่อมั่นว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ จังหวัดภูเก็ต จะสามารถเรียกคืนความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยจากนักท่องเที่ยวได้โดยไว และมีโอกาสได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้กลับมาเยือน “ดินแดนแห่งไข่มุกอันดามัน” อีกครั้งในโอกาสอันใกล้