คืบหน้าเรือล่ม คาดภายใน 12 สิงหานี้ กู้เรือฟินิกส์สำเร็จ ด้านคดีรอตรวจพิสูจน์เรือเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบสำนวนคด
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2561 เวลา 13.30 น. ที่ห้องโถง ชั้น 2 อาคารคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พลเรือตรีเจริญพล คุ้มราษี รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 พลตำรวจตรีธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นางศิรวี วาเล๊าะ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต และ นายวิวัธน์ ชิดเชิดวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เกี่ยวกับความคืบหน้ากรณีเรือล่มในจังหวัดภูเก็ต โดยมีหัวหน้าส่วนราชการและสื่อมวลชนกว่า 50 คนเข้าร่วม
นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดได้เร่งรัดการกู้ซากเรือ ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อตรวจสอบสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ และสำหรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนกรณี เรือล่มเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 มีความคืบหน้า ดังนี้ บริษัทประกันภัยฯ จ่ายแล้วจำนวน 33 ราย รายละ 1,100,000 บาท รวมเป็น 36,300,000 บาท ที่เหลืออีก 14 ราย บริษัทได้รับเอกสารแล้ว และมีจำนวน 4 รายเลขบัญชีธนาคารไม่อาจโอนได้ และ อีก 11 ราย เอกสารไม่ครบถ้วน ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างประสานกับผู้เสียหาย เพื่อให้ยื่นเอกสารเพิ่ม
ด้าน นายวิวัธน์ ชิดเชิดวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าการกู้เรือฟินิกส์ ว่า กรมเจ้าท่า ได้นำอุปกรณ์ในการกู้เรือลงไปติดตั้งใต้น้ำ เพื่อเตรียมการกู้เรือฟินิกส์ ซึ่งขณะนี้มีคืบหน้าแล้วกว่า 80-90 เปอร์เซ็นต์ โดยวางแผนจะทำการกู้เรือฟินิกส์ในสัปดาห์หน้าตามกฎหมายพระราชบัญญัติเดินเรือในน่านน้ำไทย กำหนดให้กรมเจ้าท่าออกคำสั่งให้เจ้าของเรือ คือเรือฟินิกซ์ เป็นผู้กู้เรือ กรมเจ้าท่าได้ออกคำสั่งไปตั้งแต่หลังวันที่เรือจม เพื่อให้เจ้าของเรือเป็นผู้กู้ เจ้าของเรือได้รับทราบคำสั่งแล้วตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา ทางกรมเจ้าท่าได้ให้เวลากับเจ้าของเรือ 20 วัน ในการกู้เรือขึ้นมาให้ได้ แต่เจ้าของเรือได้แต่งตั้งตัวแทนขึ้นมาและแจ้งว่าจะไม่ดำเนินการกู้เรือดังกล่าวดังนั้นเมื่อครบกำหนดและเจ้าของเรือไม่ดำเนินการกู้เรือ ทางกรมเจ้าท่าจะดำเนินการกู้เรือขึ้นมาให้ได้ โดยกรมเจ้าท่า เริ่มดำเนินการวางแผนกู้เรือ ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม เป็นต้นมา ได้มีการจัดเตรียมอุปกรณ์ นักประดาน้ำ มีการจัดเตรียมอุปกรณ์ได้ส่งนักประดาน้ำ และทีมงานประมาณ 20 คน ลงไปติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ใต้น้ำในการลงไปสำรวจเรือใต้น้ำพบว่า ขณะนี้มีทรายเข้าไปในเรือประมาณ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ของตัวเรือ สภาพเรือด้านท้ายยุบเสียหาย ความลึกของน้ำประมาณ 45 เมตร ซึ่งเป็นระดับน้ำที่ลึกมาก ความยากคือการลงไปทำงานใต้น้ำซึ่งจะต้องใช้นักประดาน้ำที่มีความชำนาญ ขณะนี้ได้มีการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ใต้น้ำแล้วเสร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ ในงานใต้น้ำส่วนงานต่อไปคืองานที่จะต้องนำอุปกรณ์ต่างๆ เข้าไปเกี่ยวข้องกับงานของใต้น้ำ การที่จะยกเรือขึ้นมา ต้องใช้อุปกรณ์หลักๆ 3 ชนิด คือ 1.บอลลูน ความจุ 10,000 ลิตร ที่จะนำลงไปยกเรือใต้น้ำ 2.กว้าน เป็นสลิง ที่จะยกผูกติดกับเรือและยกขึ้นมา 3.เครนตัวใหญ่ จะทำการค่อยๆ ยกเรือขึ้นมา ซึ่งในแผนการที่กำหนดไว้ คาดว่าภายในวันที่ 12 สิงหาคมจะสามารถนำเรือขึ้นมาได้ และจะนำเรือไปขึ้นคาน เพื่อตรวจสอบต่อไปว่าเรือนั้นได้มีความสมบูรณ์ หรือไม่ อย่างไร มีการดัดแปลงเรือหรือไม่ โดยจะขึ้นคานไว้ 30 วัน ที่ท่ารัตนชัย เพื่อตรวจสอบร่วมกัน ระหว่างกรมเจ้าท่า ตำรวจเจ้าของคดี และผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้การดำเนินการกับเจ้าของเรือฟินิกซ์ ที่ไม่ดำเนินการกู้เรือและขัดคำสั่งกรมเจ้าท่า ที่ได้ออกคำสั่งให้ดำเนินการกู้เรือขึ้นมา เนื่องจากเรือที่จมนั้นอาจจะกีดขวางการเดินเรือได้ในอนาคต และอาจจะเป็นมลภาวะอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ในระยะจุดใกล้ๆ ที่เรือจมอยู่ ประมาณ 100 กว่าเมตร มีแนวโขดหินปะการังอยู่ด้วย โดยเมื่อกรมเจ้าท่าดำเนินการกู้เรือแล้วเสร็จ จะดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าใช้จ่าย ค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จากเจ้าของเรือต่อไป ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดำเนินการกู้เรือในครั้งนี้ประมาณ 10 ล้านบาท ที่ว่าจ้างบริษัทเอกชน 1 ราย ดำเนินการกู้เรือ
ขณะที่ พลตำรวจตรีธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของความคืบหน้าการสอบสวนดำเนินคดีเหตุเรือล่มนั้นในส่วนของคดีเรือเซเรนาต้า ไม่มีผู้เสียชีวิตรับคำทุกข์ไว้สอบสวนตามคดีอาญาที่ 1104/2561 มีผู้ต้องหา 2 รายคือ นายเมธา หลิมสกุล อายุ 56 ปี กัปตันเรือในข้อหากระทำด้วยประการใดๆให้ยานพาหนะ (เรือเดินทะเล) อยู่ในลักษณะอันน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลและใช้ยานพาหนะ (เรือเดินทะเล) รับจ้างขนส่งคนโดยสารกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือใจอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 232 (1),233และมาตรา 390 และ นายผังต้าเซียนอายุ 26 ปีสัญชาติจีนผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัท เลซี่ แคท ทราเวล จำกัดในข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และในส่วนของคดีเรือฟินิกซึ่งมีผู้เสียชีวิต 47 รายได้รับคำทุกข์ไว้สอบสวนตามคดีอาญาที่ 1105 /2561 ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 3 รายในข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้ถึงแก่ความตายได้รับอันตรายแก่กายอันตรายแก่กายสาหัส ประกอบด้วย นายสมจริง บุญธรรม อายุ 50 ปี กัปตันเรือ,นายอ่อนจันทร์ กัณหาโยธี อายุ 57 ปี ช่างเครื่องและ นางสาววรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล อายุ 26 ปี กรรมการบริษัททีซีบลู ดรีม จำกัด ปัญหาอุปสรรคและข้อขัดข้อง คือขณะนี้ยังไม่สามารถกู้เรือฟีนิกซ์ซึ่งจมอยู่ในระดับความลึก 45 เมตร ขึ้นมาได้จึงยังไม่สามารถตรวจพิสูจน์เรือเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบสำนวนคดีได้