ตร.ทท. จับมือ ตร.ภูเก็ต-ตร.ตม. กวาดล้าง “รับฤดูกาลท่องเที่ยว”
ตำรวจท่องเที่ยว ร่วมตำรวจภูธร และ ตม.ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม สร้างความเชื่อ ปชช.-นทท. รองรับฤดูกาลท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 15 ก.ย.60 ที่บริเวณหน้าที่ทำการตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง รักษาราชการผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม เพื่อเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต, กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3, เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม 179 นาย เพื่อร่วมกันป้องกันปราบปราม และรักษาความสงบเรียบร้อย ตลอดจนจับกุมผู้กระทำความผิดทุกประเภท เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยวตลอดจนเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวโดยรวม
สำหรับการปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการจัดทำแผนป้องกันปราบปรามอาชญากรรม เพื่อเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และกองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 ซึ่งได้มีการจัดทำแผนป้องกันปราบปรามอาชญากรรมฯ “ตาปี 5/2560” เพื่อใช้เป็นแนวทางในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ซึ่งแต่ละเดือนกำหนดให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมไม่น้อยกว่า 10 วัน โดยมีเป้าหมายสำคัญ ได้แก่ หมายจับคดีค้างเก่า อาวุธปืน และยาเสพติด โดยจะเป็นการบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งฝ่ายปกครอง ทหารและตำรวจ รวมถึงฝ่ายที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อแสดงออกถึงความพร้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชน
พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง รักษาราชการผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3ฯ กล่าวว่า ปัจจุบันมีสถานการณ์ความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ เกิดขึ้นทั่วทุกภูมิภาคของโลก ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ดังนั้นทุกฝ่ายต้องมีความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ซึ่งถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องมีการยกระดับมาตรการด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รวมถึงด้านอื่นๆ ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด การปล่อยแถวฯ ในครั้งนี้ จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้บูรณาการกำลังเพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดทุกประเภท ตลอดจนเป็นการแสดงออกถึงความพร้อมศักยภาพของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่จะร่วมมือกันป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และเหตุความรุนแรงอื่นๆ มิให้เกิดขึ้นโดยง่าย ทั้งนี้ในการปฏิบัติหน้าที่ขออย่าตั้งอยู่บนความประมาท ให้ใช้ยุทธวิธีในการปฏิบัติอย่างละเอียด รัดกุมและรอบคอบทุกขั้นตอน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
“การปล่อยแถวระดมกวาดล้างในครั้งนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมรับมือฤดูกาลท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตที่จะมาถึงในเร็วๆ นี้ และเป็นที่รับรู้กันว่าในช่วงดังกล่าวจะมีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก จึงไม่อยากให้นักท่องเที่ยวต้องประสบกับเหตุที่ไม่ควรจะเกิด ซึ่งการปล่อยแถวกำลังเจ้าหน้าที่จะเป็นย้ำเตือนให้ทุกฝ่ายทั้งในส่วนของผู้ประกอบการท่องเที่ยว หรือผู้ไม่ประสงค์ดีได้รับทราบถึงความพร้อมของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยจะทำให้อาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวเป็นศูนย์ให้ได้ ซึ่งหากสำเร็จก็จะสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตหรือประเทศไทย”
พล.ต.ต.อังกูร กล่าวว่า ภาพรวมความปลอดภัยของจังหวัดภูเก็ตถือว่าดีอยู่แล้ว แต่ยังมีบางส่วนที่มีความเป็นห่วง คือ กรณีการใช้รถโดยสารรับส่งนักท่องเที่ยว ซึ่งการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้งได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยว ซึ่งทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตได้ร่วมกับตำรวจท่องเที่ยวและสำนักงานขนส่งฯ ในการตรวจสอบรถที่นำมารับส่งนักท่องเที่ยวว่าเป็นรถที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ความพร้อมของรถและมีประกันภัยหรือไม่ ซึ่งเราไม่ต้องการที่จะให้เกิดอุบัติเหตุใดๆขึ้น และผู้ที่จะนำรถมารับส่งนักท่องเที่ยวต้องทราบด้วยว่าเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศในการต้อนรับนักท่องเที่ยว หากเกิดปัญหา เช่น ขับรถขณะมึนเมา ลวนลามนักท่องเที่ยว เป็นต้น ขึ้นก็จะส่งผลกระทบกับภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวซึ่งเราต้องรักษาไว้ นอกจากนี้เป็นที่รู้อยู่แล้วว่า การท่องเที่ยวของภูเก็ตจะเป็นการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แต่ปรากฏว่ามีบุคคลบางกลุ่มพยายามทำลายความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น ทำลายปะการัง เป็นต้น ซึ่งหากมีการตรวจพบก็จะมีดำเนินการขั้นเด็ดขาด เพราะเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นสิ่งดูดดึงนักท่องเที่ยวให้เกิดทางเข้ามาเสียหาย ซึ่งหากทรัพยากรถูกทำลายแล้วใครจะมาท่องเที่ยวอีก ดังนั้นจะต้องช่วยกันดูแลรักษา