ตลาดท่องเที่ยวภูเก็ตไม่ซบ กรุ๊ปทัวร์จีนเท่านั้นหายไป
เผยสถานการณ์ท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ในช่วงที่ผ่านมา จากการรวบรวมข้อมูลของ ททท.สำนักงานภูเก็ต ที่รายงานในที่ประชุม กรอ.จังหวัดก่อนสิ้นปี พร้อมคาดการณ์ไฮซีซั่นนี้ไม่เลวร้ายจนเกินไป บอกนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปเป็นกรุ๊ปทัวร์ แต่นักท่องเที่ยวกลุ่ม FIT ยังคงปรกติ ละยังมีนักท่องเที่ยวชาติอื่นเข้ามาทดแทน ล่าสุดผู้ประกอบการท่องเที่ยว และโรงแรมรุ่น “เก๋า” ออกมาวิเคราะห์ ที่ท่องเที่ยวซบ ไม่ใช่เฉพาะจีน ยังมีอีก 5 ชาติที่ถดถอย เพราะสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และความไม่สงบในประเทศ ว่ามาตรการฟรีวีซ่า 21 ประเทศของรัฐบาลที่ออกมาเยียวยา หลายตลาดได้อนิสงค์ ไม่เฉพาะจีน มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 20% และในช่วงตรุษจีนคาดว่า ตลาดจีนจะกลับเข้ามา
ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดภูเก็ต (กรอ.) ครั้งที่ 4/2561 เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2561 ที่ห้องประชุมอาคารคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุม มีหัวหน้าส่วนส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม หนึ่งในวาระสำคัญ คือ การรายงานสถานการณ์ท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต รายงานว่า ในช่วงไตรมาสที่ 4 (ตุลาคม-ธันวาคม) ปี 2561 มีการคาดการณ์ ในเดือนตุลาคม 2561 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงสูงกว่าเดือนกันยายน 2561 เนื่องจากจำนวนเที่ยวบินระหว่างเทศกาล Golden Week (1-10 ตุลาคม) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 มีจำนวนเที่ยวบินลดลงร้อยละ 18 ในช่วง Winter Schedule ( High Season เริ่มปลายเดือนตุลาคม 2561 -มีนาคม 2562) ที่จะถึงนี้ คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเข้ามายังภูเก็ตในอัตราที่ลดลง
สืบเนื่องจากปัจจัยทางการเมือง นโยบายของบริษัทตัวแทน (Agent) ในประเทศจีนไม่ขายทัวร์มาภูเก็ตและประเทศไทย รวมทั้งประกาศคำเตือน (Travel Warning) ของประเทศจีนที่แจ้งว่าการท่องเที่ยวในประเทศไทยมีความไม่ปลอดภัย เป็นต้น (ข้อมูลจากผู้แทนสายการบินจีน ประจำสนามบินภูเก็ต) ส่วนปัจจัยเชิงบวก การบินไทยมีเที่ยวบินตรงไป-กลับ Beijing, Hong Kong ทุกวัน นอกจากนี้ยังมีสายการบินจีนที่ทำการบินมาลงภูเก็ต จำนวน 15 สายการบิน ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2561 มีนักท่องเที่ยวลดลง 27,736 คนหรือคิดเป็นร้อยละ 28 เมื่อเปรียบเทียบในเดือนกันยายน 2561 กับ 2560
ส่วนตลาดอื่นๆ ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดี ได้แก่ ตลาดยุโรป การบินไทยจะมี Seasonal flight เที่ยวบินตรงจาก Stockholm จำนวน 2 เที่ยวต่อสัปดาห์, Copenhagen จำนวน 2 เที่ยวต่อสัปดาห์ เริ่มในเดือนธันวาคม 2561 โดยปัจจุบันการบินไทยมีเที่ยวบินตรงจาก Frankfurt จำนวน 3 เที่ยวต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีสายการบินต่างชาติจากยุโรปจะกลับมาทำการบินในช่วง Winter Schedule ประกอบด้วย Thomson Airways, TUI Airways เป็นต้น, ตลาดรัสเซีย สายการบินที่จะปรับเพิ่มเที่ยวบินในช่วง Winter Schedule ได้แก่ IKAR, NORDWIND, AEROFLOT, LOTPOLISH AIRLINES, IFLY เป็นต้น
ตลาดตะวันออกกลาง สายการบินยังคงให้บริการปกติ ได้แก่ Emirates จำนวน 2 เที่ยวบินต่อวัน, Qatar Airways จำนวน 2 เที่ยวบินต่อวัน และ Etihad Airways วันละ 1 เที่ยวบิน นอกจากนี้ยังมีเที่ยวบิน Charter จาก Muscat, Oman ทำการบินในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561คือ สายการบิน ENTER AIR และตลาดอินเดีย ซึ่งในวันที่ 1 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา สายการบิน GO Air ได้เริ่มทำการบินในเส้นทาง DEL-HKT (นิวเดลี-ภูเก็ต) 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และจะเพิ่มเป็นบินทุกวันในเดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป
ในส่วนของการประมาณการอัตราการจองห้องพักช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2561 จากการสุ่มสอบถามโรงแรมที่ให้บริการนักท่องเที่ยวจีน (ประเภทกรุ๊ปทัวร์) เป็นหลักตัวพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พบว่า อัตราการเข้าพักเฉลี่ยเดือนตุลาคม 2561 มีอัตราเฉลี่ย 45.24% และมีการประมาณการอัตราการจองห้องพักประจำเดือนพฤศจิกายนมีอัตรา 54.74% และจากการสอบถามสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ พบว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยประจำเดือนตุลาคม 2561 มีอัตราเฉลี่ยให้ 50% และมีการประมาณการอัตราการจองที่พักประจำเดือนพฤศจิกายน 2561 มีอัตราเฉลี่ย 60%
อย่างไรก็ตาม นางกนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)สำนักงานภูเก็ตได้ รายงานสถนการณ์ท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวของภูเก็ตในรอบ 9 เดือนของปี 2561 จากข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 77.68% สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 แค่ 0.92% ตัวเลขผู้มาเยือนภูเก็ตอยู่ที่ 9.13 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10.66% แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 70% คนไทย 30% แต่หลังจากเกิดเหตุเรือฟินิกซ์ล่มเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาทำให้นักท่องเที่ยวจีนหายไปบางส่วน แต่ในช่วงเดือนกรกฎาคมอัตราการเข้าพักโรงแรมไม่ได้ลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 75.5% เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.3% และอัตราเข้าพักลดลงเล็กน้อยในเดือนสิงหาคม และลดลงเหลืออัตราการเข้าพักเฉลี่ย 70.94% ในเดือนกันยายน
“หากมองเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มเดียว หลังเกิดเหตุเรือล่มตัวเลขลดลงเรื่อยๆ แต่ในเดือนกรกฎาคมตัวเลขยังเป็นบวก และลดลงเล็กน้อยในเดือนสิงหาคมคม ก่อนที่จะลดลงถึง 13% ในเดือนกันยายน ส่วนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้นักท่องเที่ยวจีนก็ยังไม่กลับมา แต่ภาพนักท่องเที่ยวในภาพรวมจะดีขึ้น เนื่องจากเข้าสู่ไฮซีซัน และมีเที่ยวบินตรงมาจากตลาดอื่นๆ ทั้งยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา รัสเซีย สแกนดิเนเวีย และอินเดีย ส่วนเที่ยวบินจากจีนในช่วงดังกล่าว ยังคงมีบินเข้ามาภูเก็ตถึง 15 สายการบิน ส่วนของนักท่องเที่ยวจีนที่ลดส่วนใหญ่จะเป็นกรุ๊ปทัวร์ แต่ที่เดินทางเองหรือ FIT ยังคงมีอยู่” นางกนกกิตติกากล่าว
จะอย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา นายภูริต มาศวงศา ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมป่าตองรีสอร์ท อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ผู้ชำนาญการวิเคราะห์สถานการณ์ท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่า จากการเฝ้ามองสถานการณ์การท่องเที่ยวของโลก พบว่าปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์ท่องเที่ยวขณะนี้ถดถอยนั้น เกิดจากสาเหตุของวิกฤตการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมทั้งปัญหาความไม่สงบและความไม่มั่นคงในหลายประเทศ ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจตามมาด้วย ดังนั้นในต้นฤดูกาลท่องเที่ยวของภูเก็ตหรือประเทศไทย จากข้อมูลของแอตต้า พบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงนั้น ไม่เฉพาะนักท่องเที่ยวจีนเท่านั้น แต่ยังมีนักท่องเที่ยวสัญชาติอื่นๆ อีก 5 สัญชาติที่อยู่สภาวะถดถอยเช่นกัน ได้แก่ รัสเซีย เยอรมัน อังกฤษ ฝรั่งเศส และเกาหลี
ขณะเดียวกันเรายังเผชิญกับการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาค ที่มีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้นด้วย เนื่องจากหลายประเทศมีการปรับตัว และมีการสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เช่น เวียดนาม เมียนมาร์ เป็นต้น ดังนั้น ในปัจจุบันเราจึงไม่ได้แข่งกับกับสิงคโปร์หรือบาหลีเท่านั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องสร้างพื้นฐานให้มีความเข้มแข็งเพื่อรักษาฐานที่มีอยู่เดิมไว้ โดย WTO บอกไว้ว่า หากต้องการรักษาฐานนักท่องเที่ยวไว้ให้ได้ จะต้องทำในเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สุขอนามัย และความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวเป็นสำคัญ
นายภูริต กล่าวอีกว่า ในส่วนของตลาดจีนที่จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงนั้น ส่วนตัวไม่อยากให้ตื่นตระหนกกันมากเกินไป หากเราเปรียบเทียบย้อนหลังไปเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการนำภาพยนตร์เรื่องลอสต์ อิน ไทยแลนด์มาฉายทั้งในเมืองไทยและจีน ประกอบการส่งเสริมการตลาดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้ามาปีละประมาณ 200,000 คน เพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านคนในปีต่อมา และเพิ่มขึ้นจนเป็น 2-3 ล้านคนต่อปี ซึ่งเป็นการเติบโตในอัตราที่ก้าวกระโดดปีละ 150-200 % ดังนั้นเมื่อนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นก็ต้องมาดูว่าเราสามารถควบคุมสิ่งที่มารองรับ หรือซับฟรายไซด์ได้มากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะการรับมือกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นตามมา เปรียบเหมือนกับการจุดพลุ และมองในภาพความเป็นจริง
“ในส่วนของภูเก็ตเอง นักท่องเที่ยวจีนยังคงมีอยู่ ที่หายไปเป็นกรุ๊ปทัวร์ แต่มีกลุ่ม FIT เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการหายไปของกรุ๊ปทัวร์ดังกล่าว ไปกระทบกับผู้ประกอบการที่ไม่ได้สร้างความเสี่ยงไว้ เช่น การเพิ่มรถบัสจากเดิม 10 คัน เป็น 50 คัน การลงทุนของร้านจิวเวอร์รี่ ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก แต่สำหรับโรงแรมหรือที่พักส่วนใหญ่ระดับ 4-5 ดาว บริษัทรถบัสที่ให้บริการอยู่ หรือร้านค้าส่วนใหญ่ยังมีนักท่องเที่ยวจีนอยู่ เพียงแต่ไม่มากเท่ากับ 3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นผู้ประกอบการก็ต้องมีการปรับตัว มีการโฆษณาผ่านเว็บไซด์ของจีน มีคิวอาร์โค้ตให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปค้นหาข้อมูลข่าวสารได้ง่าย หรือหลายๆ โรงแรมที่นักท่องเที่ยวจีนมาแบบเป็นครอบครัวจองผ่านออนไลน์มาพักจำนวนมาก”
นายภูริต กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า จากผลกระทบที่เกิดขึ้นปริมาณนักท่องเที่ยวจีนลดลงประมาณ 20-30 % ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลก็ได้เข้ามาเยียวยาในส่วนนี้ และได้ออกมาตรการฟรีวีซ่าใน 21 สัญชาติ ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาไม่เฉพาะจีนเท่านั้น แต่ยังมีสัญชาติอื่นตามเข้ามาด้วย เช่น อินเดีย เป็นต้น เพราะทำให้เขาตัดสินใจในการเดินทางได้ง่ายขึ้น และขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการว่าจะเห็นความสำคัญของนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวอย่างไร
ฉะนั้นมาตรการที่รัฐบาลออกมาเยียวยานับว่า ผลดีไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนกระเตื้องขึ้นเท่านั้น แต่มีอานิสงค์ไปถึงนักท่องเที่ยวสัญชาติอื่นๆ ที่มีศักยภาพสร้างเม็ดเงินรายได้ และทำให้มีตัวเลขนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นมาทดแทนสัดส่วนที่หายไป เพราะยังเหลือธันวาคมอีก 1 เดือน ที่สุดแล้วจากลบ 20 % อาจจะเหลือลบเพียง 10% และการหายไป 10% ของมวลรวมนักท่องเที่ยวทั้งประเทศถือว่าไม่มาก แต่รายได้เพิ่มขึ้นแน่นอน เพราะจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ดังนั้นในสัดส่วนของนักท่องเที่ยวจีนที่หายไป ไม่ควรวิตก เพราะขณะนี้บางส่วนเริ่มกลับเข้ามาแล้ว ทั้งชาร์เตอร์ไฟล์ท และมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวของรัฐบาลที่เริ่มจะเห็นผลมากขึ้น
นางกนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร ผู้อำนวยการ ททท.ภูเก็ต กล่าวว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตในช่วงไฮซีซั่นนี้มีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี จากการสอบถามอัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวที่เข้าพักตามโรงแรมต่างๆ โดยเฉพาะโรงแรมใหญ่ๆ จะมีอัตราการเข้าพักค่อนข้างสูง กลุ่มตลาดหลักยังคงเป็นตลาดจีน ออสเตรเลีย และรัสเซีย นอกจากนี้ยังมีตลาดที่มีแนวโน้มจะเดินทางเข้ามามากๆ ได้แก่ ตลาดอินเดีย ซึ่งมีเที่ยวบินตรงจากนิวเดย์ลี มุมไบ และบังกาลอ ทำให้การเดินทางมายังภูเก็ตง่ายขึ้น ขณะเดียวกันในส่วนของตลาดจีนมีการเปิดเที่ยวบินตรงจากฉงฉิ่ง และ ฮ่องกง-ภูเก็ต ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น รวมถึงตลาดประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง เช่น เวียดนาม เป็นต้น
“จากมาตรการของรัฐบาลในการฟรีวีซ่า หรือ Visa on Arrival ให้กับนักท่องเที่ยวจำนวน 21 ประเทศ พบว่า มีการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 20% เนื่องจากทำให้การตัดสินใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้น ไม่เฉพาะตลาดจีนเท่านั้น แต่รวมถึงตาดอื่นๆ ด้วย และคาดว่าในช่วงตรุษจีนในเดือนกุมภาพันธ์นักท่องเที่ยวชาวจีน จะยังคงเลือกเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภูเก็ตหรือประเทศไทยเช่นเดิม” นางกนกกิตติกา กล่าว