นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ภูเก็ตว่าการท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นเรื่อยๆถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เปิดเผยภายหลังพบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการในภูเก็ต ณ ศูนย์อาหารปุ๊นเต๋ แหล่งรวมอาหารพื้นเมืองภูเก็ต ตรอกซุ๋นอุทิศ เขตเทศบาลนครภูเก็ต ถึงการลงพื้นที่ภูเก็ต ว่า ก่อนหน้านี้เคยมากักตัวที่ภูเก็ตเป็นเวลา 7 วัน ซึ่งมีความสุขมาก และมีโอกาสได้รับสัมผัส รวมทั้งรับรู้ถึงประเด็นปัญหาและความหวังของคนภูเก็ต และครั้งนี้เพื่อเก็บข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ประกอบการและพี่น้องประชาชนกลุ่มต่างๆ เพื่อรับรู้ถึงประเด็นปัญหาความต้องการ ตลอดจนสภาพเศรษฐกิจหลังการเปิดเมืองรับชาวต่างชาติ โดยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นมา ซึ่งพบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น แต่น้อยอยู่เมื่อเทียบกับก่อนเกิดโควิด แต่มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นเรื่อยๆ และต่างคาดหวังว่า ในช่วงสิ้นปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาวันละประมาณ 10,000 คน จากเดิมก่อนเกิดโควิด-19 เดินทางเข้ามาถึงวันละ 60,000 คน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มีความหวังว่าในอนาคตเศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัว
“สิ่งที่ได้เห็นครั้งนี้ คือ ความท้าทายเฉพาะหน้า และความจำเป็นของการลงทุนในตัวเมืองภูเก็ต เพื่อยกระดับตามเป้าหมายของทุกคนที่ต้องการให้เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลก และด้วยศักยภาพของภูเก็ตมั่นใจว่า หากมีนโยบายที่ถูกต้องและมีความจริงใจในการขับเคลื่อนนโยบายเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด้วย เป็นปัญหาที่ค้างคาและต้องเร่งสะสาง คือ ใบอนุญาตโรงแรมขนาดเล็ก เพราะหากดูจากเว็บไซต์การจองโรงแรมที่มีการลงทะเบียนไว้มีจำนวนมากกว่า 1 หมื่นแห่ง แต่ที่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายมี 700 กว่าแห่งเท่านั้น จึงเป็นที่มาของปัญหาว่า ในอนาคตหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตเพิ่มขึ้น ประโยชน์ที่ได้รับจากการฟื้นตัวของท่องเที่ยวจะกระจุกตัว ในขณะที่ความจริงนักท่องเที่ยวซึ่งอยู่ในโรงแรมขนาดเล็กจะมีการออกมาใช้จ่ายมากกว่าที่พักในโรงแรมขนาดใหญ่ ดังนั้นจะต้องหาแนวทางเพื่อให้ผู้ประกอบการทุกระดับสามารถทำธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตลอดจนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ที่ผ่านมาแม้รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาในหลายๆ โครงการ แต่ผู้ประกอบการเหล่านี้ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ ด้วยเงื่อนไขหนึ่งคือไม่มีใบอนุญาตและไม่เฉพาะภูเก็ตเท่านั้น แต่รวมถึงอีกหลายจังหวัดด้วย”
นายกรณ์ กล่าวว่า ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้จะมี ครม.สัญจรในฝั่งอันดามันอีกครั้งหนึ่งที่ จ.กระบี่ อยากฝากไปถึงรัฐบาลว่า น่าจะเป็นจังหวะสุดท้ายที่รัฐบาลจะทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้ทำมาหากินในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปีนี้จากนโยบายเปิดประเทศ โดยต้องมีคำตอบและทางออกในการแก้ปัญหาให้คนภูเก็ตและอันดามัน ไม่ใช่มานั่งฟังปัญหาอีก เพราะที่ผ่านมาผู้เกี่ยวข้องได้มาเก็บข้อมูลและรับทราบปัญหามากพอแล้ว เนื่องจากคนอันดามันต้องการความชัดเจนในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม นายกรณ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากปัญหาเฉพาะหน้าระยะสั้นแล้ว สิ่งที่รัฐบาลจะต้องเร่งตัดสินใจในหลายเรื่อง โดยเฉพาะนโยบายการลงทุนระบบสาธารณูปโภคสำคัญๆ เพื่อยืนยันอนาคตภูเก็ตและอันดามันว่าจะเป็นพื้นที่การท่องเที่ยวระดับโลกตามศักยภาพที่มี เช่น การจัดทำระบบขนส่งมวลชน เชื่อมระหว่างตอนเหนือกับตอนใต้เกาะ ที่ผลักดันกันมานานแต่ยังไม่เกิด สร้างความผิดหวังและสับสนให้คนภูเก็ตมาตลอด เพราะมีการศึกษามาแล้วหลายครั้ง แต่ทราบอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก ซึ่งจะยิ่งทำให้เกิดความล่าช้าและไม่ทันต่อโอกาสต่างๆ ที่รอคอยภูเก็ต ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นระบบรางหรือระบบล้อ ระบบไหนก็ได้และมีความคุ้มค่า ต้องเร่งดำเนินการและไม่ควรให้เป็นประเด็นการเมืองที่สร้างปัญหาและตัดโอกาสของประชาชน จากความขัดแย้งของพรรคการเมืองในรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีระบบโครงข่ายถนนที่มีแผนชัดเจนอยู่แล้วใน 3 เส้นทาง ทั้งอุโมงค์ป่าตอง ถนนไฮเวย์เส้นสนามบิน-บางคู ซึ่งจะต้องเร่งดำเนินการควบคู่กันไป เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดและสร้างความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทาง เพื่อรองรับการเติบโตของภูเก็ตในอนาคตอันใกล้ ตลอดจนปัญหาเรื่องขยะ ที่ต้องทำให้ภูเก็ตเป็นกรีนซิตี้ เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก แต่ในความเป็นพบว่า มีการรีไซเคิลไม่เกิน 1 ใน10 ของปริมาณขยะ ถือเป็นสัดส่วนที่ต่ำมาก และปัญหาน้ำ โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้ง เป็นต้น โดยสิ่งหนึ่งที่เห็นและประทับใจในความมุ่งมั่น จินตนาการและรสนิยมของนักธุรกิจภูเก็ตทุกรุ่น คือ การพัฒนาเมืองเก่า มีการลงทุนและสร่างแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และรักษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของคนภูเก็ตไว้เป็นอย่างดี
นายกรณ์ กล่าวในตอนท้ายเกี่ยวกับการส่งผู้ลงสมัคร ส.ส.ว่า พรรคกล้ามีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะนำเสนอแนวทางการทำงานการเมือง ที่เรียกว่า แนวทางปฏิบัตินิยมอย่างสร้างสรรค์ของพรรคกล้าให้คนภูเก็ตได้เป็นตัวเลือก ในแง่คุณภาพมีได้ตั้งใจในการคัดเลือกผู้สมัครที่มีเข้าใจอุดมการณ์และมุ่งเน้นการทำงาน มีจิตสาธารณะสูงมาก ซึ่งพร้อมส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งทั้ง 3 เขต ขณะนี้ได้เปิดตัวไปแล้ว คือ นายเทมส์ ไกรทัศน์ ส่วนอีก 2 คน อยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม และรอการแบ่งเขตเลือกตั้งที่ชัดเจน แม้ว่าการแข่งขันสูงแต่เราก็มีความมั่นใจที่จะปักธง ส.ส.ภูเก็ต และมั่นใจว่าชาวภูเก็ตต้องการการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง รวมถึงเป็นทางเลือกใหม่ที่สร้างสรรค์และตั้งใจ