นายกรัฐมนตรี มอบยุทธศาสตร์แห่งรอยยิ้ม (SMILES) เพื่อเป็นกรอบการระดมสมองในพิธีเปิดการสัมมนากำหนดยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวประเทศไทย(Thailand Tourism Congress 2022) ยืนยันไทยพร้อมเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลกอย่างสมดุลและยั่งยืน

นายกรัฐมนตรี มอบยุทธศาสตร์แห่งรอยยิ้ม (SMILES)

เพื่อเป็นกรอบการระดมสมองในพิธีเปิดการสัมมนากำหนดยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวประเทศไทย

(Thailand Tourism Congress 2022) ยืนยันไทยพร้อมเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลกอย่างสมดุลและยั่งยืน

.
วันนี้ (6 มิ.ย.65) ที่โรงแรมบียอนด์ รีสอร์ท กะตะ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนากำหนดยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวประเทศไทย (Thailand Tourism Congress 2022) พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ยุทธศาสตร์การยกระดับการท่องเที่ยวไทยสู่การท่องเที่ยวคุณภาพที่ยั่งยืน” โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว และสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน โดยมี นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตให้การต้อนรับและกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มาเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาฯ ซึ่งนับเป็นการส่งสัญญาณให้นานาประเทศได้ตระหนักถึงนโยบายของรัฐบาลที่จะอยู่ร่วมกับโควิดอย่างสมดุล เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มประเทศที่เป็นลูกค้าหลักของการท่องเที่ยวไทยถึงการเดินหน้าอย่างมียุทธศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจที่สำคัญให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเพื่อร่วมมือกันระดมความคิดและออกแบบยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยด้วยตัวเอง

                 จากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ยุทธศาสตร์การยกระดับการท่องเที่ยวไทยสู่การท่องเที่ยวคุณภาพที่ยั่งยืน” นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ การเปิดโครงการ Thailand Tourism Congress 2022 ในวันนี้ เป็นการให้กำลังใจแก่ผู้ประกอบการและทุกคนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะพี่น้องชาวจังหวัดภูเก็ตที่ได้ร่วมมือร่วมใจกันผลักดันให้ Phuket Sandbox กลายเป็นแบบอย่างของหลายประเทศ แม้ทุกคนจะผ่านความยากลำบากมาตลอดสองปี แต่วิกฤตได้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจกันของทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวไทยให้เดินหน้าต่อไป

               และเชื่อมั่นว่าการท่องเที่ยวไทยจะกลับมาเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญพร้อมการเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลกอีกครั้ง จากสถิติจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และจะค่อย ๆ กลับคืนสู่ภาวะปกติ เมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ โดยเฉพาะเงื่อนไขการเดินทางเข้าประเทศที่อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวมากขึ้น จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

                 ทั้งนี้ Phuket Sandbox นับเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ กระตุ้นด้านการท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรมและที่พัก การเดินทาง ร้านอาหาร ไปจนถึงสินค้าอื่น ๆ ให้สามารถประคองตัวต่อไปได้ โดยรัฐบาลพร้อมผลักดันและหามาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวแนวใหม่ เช่น การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งจะช่วยให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนและเป็นการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้รูปแบบการท่องเที่ยวไทยต้องมีการปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ โดยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ดีจะต้องเป็นเครื่องมือในการกระจายรายได้ให้พี่น้องประชาชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งเป็นเจตนารมณ์สำคัญของรัฐบาลที่มุ่งมั่นสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นเพื่อการสร้างและกระจายรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน ที่อยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

                นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง หลักเศรษฐศาสตร์ Multiple Effects หรือผลทวีคูณต่อระบบเศรษฐกิจ ที่สามารถต่อยอดได้จากการท่องเที่ยวทั้งจากการท่องเที่ยวในประเทศ และจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่ต้องผ่านการลงทุนขนาดใหญ่ แต่ต้องการการดูแลที่เข้าใจและใกล้ชิดโดยเฉพาะการดูแลสิ่งแวดล้อม อันเป็นองค์ประกอบสำคัญของการท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ และให้ความสนใจกับคุณภาพของนักท่องเที่ยวมากกว่าปริมาณนักท่องเที่ยว และยังให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อคุณค่าของสิ่งแวดล้อม ต่อคุณค่าวัฒนธรรม และต่อคุณค่าความเป็นไทยด้วยซึ่งเป็นสิ่งผู้เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยจะต้องร่วมมือกันในการสร้างยุทธศาสตร์ มีแผนการปฏิบัติงานที่ชัดเจนและสอดคล้องกัน และที่สำคัญคือการเป็นแบบอย่างที่ดี

               นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงอนาคตการท่องเที่ยวโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วบนความไม่แน่นอน และเต็มไปด้วยความท้าทายทุกรูปแบบ หรือ VUCA ซึ่ง V – Volatile หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว U – Uncertainty โลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน C – Complexity โลกที่มีความซับซ้อน และ A – Ambiguity โลกที่เต็มไปด้วยความคลุมเครือซึ่งการรับมือกับ VUCA World มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันออกแบบยุทธศาสตร์ที่มีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่มีความเปราะบาง และอ่อนไหวมาก การร่วมมือกันของทุกคนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในวันนี้จึงเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม เพื่อร่วมกันออกแบบยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยให้สามารถตั้งรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ ซึ่งแนวโน้มสำคัญที่หลายประเทศให้ความสนใจคือเรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องสังคม โดยเฉพาะเรื่องความเหลื่อมล้ำ และเรื่องธรรมมาภิบาลทั้งของภาครัฐและเอกชน และหากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยใช้หลักดังกล่าวเป็นกรอบนโยบายในการออกแบบยุทธศาสตร์ ประเทศไทยก็จะมียุทธศาสตร์การท่องเที่ยวที่ดี และจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพของโลก

                นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงการเข้ามาและการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัลที่เริ่มมีบทบาทอย่างมากทั้งในชีวิตประจำวัน และโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ มีส่วนสำคัญอย่างมากในการสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยเฉพาะเรื่อง Metaverse ที่ทุกประเทศต่างมียุทธศาสตร์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้ไปท่องเที่ยว และสร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ สำหรับประเทศไทยก็มีความโดดเด่นในหลากหลายมิติ โดยต้องให้ความสำคัญมากขึ้นคือ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงการบริการด้านการแพทย์ หรือการมีสุขภาวะที่ดี รวมทั้งการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่เชื่อมโยงกับเรื่องอาหารพื้นถิ่น กิจกรรมพื้นบ้านรวมถึงของที่ระลึก เป็นต้น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยในอนาคต

              ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีมอบยุทธศาสตร์แห่งรอยยิ้ม (SMILES) เพื่อเป็นกรอบในการระดมสมอง ประกอบด้วย S – Sustainability ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ทั้งเรื่องการใช้พลังงาน Carbon Footprint ไปจนถึง Food Waste/ M – Manpower ให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ทางด้านการท่องเที่ยวที่มีทักษะในระดับนานาชาติ แต่รักษาเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้อย่างมีเสน่ห์/ I – Inclusive Economy ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจแบบมีส่วนร่วม ให้ความสำคัญกับคนทุกเพศ ทุกวัย เด็ก คนชรา ออกแบบสถานที่การท่องเที่ยวให้ตอบสนองทุกกลุ่มคน และสร้างโอกาสในการทำงานด้านการท่องเที่ยวให้กับผู้ด้อยโอกาส/ L – Localization ให้ความสำคัญกับอัตลักษณ์ท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ ชูจุดเด่นที่แตกต่างกัน และนำมาร้อยเรียงกันให้สนับสนุนกัน มีความเชื่อมโยงกันระหว่างภูมิภาค ที่ประสานและสอดรับกันได้/ E – Ecosystems ให้ความสำคัญกับระบบนิเวศทางการท่องเที่ยว

              ทั้งเรื่องระบบนิเวศธรรมชาติ และระบบนิเวศทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงการลดเงื่อนไข ลดขั้นตอนทางด้านกฎหมาย เพื่อให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงได้ และ S – Social Innovation ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมด้านสังคมที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีความสอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนไปจากปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ รวมถึงการให้ความสำคัญกับคน (People) ใส่ใจโลก (Planet) และสิ่งแวดล้อม (Profit) ด้วย

                ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน ส่งเสริม และร่วมกันแก้ปัญหา โดยการระดมความคิดและร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยในวันนี้นับเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ร่วมกันกำหนดทางเดินของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ให้มียุทธศาสตร์อย่างรู้ทันแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้ง Demand และ Supply เพื่อส่งต่อหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศให้คนรุ่นต่อไปได้ภาคภูมิใจ และนับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ทุกคนจะร่วมกันกำหนดอนาคตการท่องเที่ยวไทยด้วยคนท่องเที่ยวเอง และรัฐบาลจะรับบทสรุปหรือข้อเสนอจากการระดมสมองกำหนดยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวไทยในครั้งนี้ไปพิจารณา และจะลงมือทำในสิ่งที่ทำได้ทันที เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยวของประเทศเดินหน้าต่อไป และเป็นกำลังสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่งด้วย