รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ภูเก็ต ประชุมติดตามมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวรองรับนโยบาย Free visa (ถาวรไทย-จีน) 1 มีนาคม 2567
รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ลงพื้นที่ภูเก็ต ประชุมติดตามมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวรองรับนโยบาย Free visa (ถาวรไทย-จีน) 1 มีนาคม 2567
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 13.30 น. นายศรัทธา ทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้การต้อนรับพร้อมรายงานข้อมูลแก่นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ พลตำรวจโท อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในโอกาสเดินทางมาประชุมซักซ้อมและติดตามมาตรการการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ตามนโยบายรัฐบาลเปิดรับนักท่องเที่ยว free visa (ไทย-จีน แบบถาวร) ในวันที่ 1 มีนาคม 2567 และติดตามการดำเนินงานเปิดสถานบริการถึงเวลา 04.00 น. และเพื่อทราบปัญหาข้อขัดข้องในการปฏิบัติที่ผ่านมา ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมีพล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8,พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาครัฐ ภาคเอกชน เข้าร่วมรายงานข้อมูล ณ ห้องประชุม 2ชั้น 5 สำนักงานการท่าอากาศยานภูเก็ต ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นโยบายสำคัญของรัฐบาลคือการขับเคลื่อนเรื่องของการท่องเที่ยว โดยนายกรัฐมนตรีมีเป้าหมายที่จะพัฒนาประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของโลก ดังนั้นการจะสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ก่อนเดินทาง เริ่มตั้งแต่การจองตั๋วเครื่องบินหรือการพัฒนาเทคโนโลยีรองรับกับการบริการ การมั่นใจในด้านความปลอดภัย และเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวแล้วเกิดความประทับใจและต้องการกลับมาท่องเที่ยวอีกครั้งโดยจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัด 1 ใน 10 ของเมืองท่องเที่ยวระดับโลกและระดับประเทศขอขอบคุณทุกหน่วยงานในจังหวัดภูเก็ตที่ได้ทำงานด้วยความเข้มแข็งในการพัฒนาขับเคลื่อนจังหวัดภูเก็ต สำหรับสายด่วนแจ้งเหตุ อาทิ สายด่วน 1155 ,1199 ขอให้มีเจ้าหน้าที่รับข้อมูล ตลอดเวลาเพื่อเฝ้าระวังดูแลนักท่องเที่ยว ในส่วนของกลุ่ม LINE ในการแจ้งเหตุดูแลนักท่องเที่ยวถือเป็นสิ่งที่ดีมาก สำหรับการเดินทางมาในครั้งนี้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับ 3 ประเด็น คือ ขอให้ มีความรวดเร็วในการระบายนักท่องเที่ยว ขั้นตอนการตรวจของ ตม. จนถึง นักท่องเที่ยว ขึ้นรถไปยังโรงแรมที่พัก ,การสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติและสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวมีความตั้งใจและต้องการกลับมาท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ตอีกครั้ง เพื่อให้คนไทยภูมิใจ และคนต่างชาติอยากมาใช้ชีวิตที่เมืองไทยเพื่อนำไปสู่คุณภาพชีวิตปากท้องของประชาชนคนไทยอย่างยั่งยืน
ด้าน พลตำรวจโท อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า “ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะเรื่องของแท็กซี่ที่ทำร้ายนักท่องเที่ยวมาช่วยกันป้องกันและปราบปรามรวมถึงกรณีอุบัติเหตุที่เกิดจากการจมน้ำ และขอให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ตให้ความสำคัญเรื่องมัคคุเทศก์ ให้มีการควบคุมให้มีความเข้มงวด เพื่อร่วมสร้างภาพลักษณ์ ด้านการท่องเที่ยว ทั้งนี้หากมีข้อมูลของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาก่อคดีอาชญากรรมขอให้ตรวจคนเข้าเมือง ช่วยกันกวดขันเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเข้มงวด”
ส่วนทางด้าน พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า “ในส่วนของ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เข้ามาก่อคดีในจังหวัดภูเก็ตเมื่อคดีสิ้นสุดจะมีการรวบรวมรายชื่อเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตการอยู่ในราชอาณาจักร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวรายงานข้อมูล มาตรการด้านความปลอดภัยและการดูแลนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลตรุษจีนประจำปี 2567 ว่า ” ตำรวจจังหวัดภูเก็ตได้มีการสำรวจวิเคราะห์ข้อมูล ตลาดที่ 16 แห่ง เกาะจำนวน 15 แห่ง วัฒนธรรม 30 แห่ง จุดชมวิว 9 มีการจัดทำศูนย์เชื่อมโยงรับแจ้งเหตุ เชื่อมโยงกับสายด่วน 1155 จัดหาล่ามภาษาจีนเพื่อสนับสนุนการสอบสวน,จัดหาอาสาสมัครท่องเที่ยว ประสานภาคีเครือข่ายหน่วยปฏิบัติ นำระบบ CCTV มาใช้ควบคุมอาชญากรรม,จัดสายตรวจเดินเท้าในจุดท่องเที่ยวสำคัญ จัดตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกการจราจรจุดท่องเที่ยวสำคัญ,กำชับกวดขันจับกุมการกระทำผิดกฎหมายเพื่อลดอาชญากรรม
ภายหลังการรับฟังข้อมูล นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปตรวจสอบการทำงานของตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่สนามบินภูเก็ตเพื่อดูความพร้อมของเทคโนโลยีและเจ้าหน้าที่ โดยรัฐบาลจะสนับสนุนเทคโนโลยีและเจ้าหน้าที่มาให้เพียงพอกับการบริการประชาชนและนักท่องเที่ยว ในส่วนของประเด็นการจัดการนักท่องเที่ยวที่เข้ามาก่อความวุ่นวาย จะมีการดำเนินการตามกฎหมายแต่ก็ให้ความระมัดระวังละมุ่นละม่อม โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศควบคู่ไปด้วย อย่างไรก็ตามการดำเนินการจะยึดหลักความสุขจะต้องเป็นของปวงชนชาวไทย