ลืมตาดูโลกแล้ว “ลูกเต่าตนุ” หาดแหลมไผ่ ราไวย์ ภูเก็ต จำนวนกว่า 40 ตัว หลังแม่เต่าขึ้นวางไข่และถูกคลื่นลมแรงซัดหลุมต้องนำไปฟักที่บ่ออนุบาลเพื่อความปลอดภัย
ลืมตาดูโลกแล้ว “ลูกเต่าตนุ” หาดแหลมไผ่ ราไวย์ ภูเก็ต จำนวนกว่า 40 ตัว หลังแม่เต่าขึ้นวางไข่และถูกคลื่นลมแรงซัดหลุมต้องนำไปฟักที่บ่ออนุบาลเพื่อความปลอดภัย
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2564 นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยสมาชิกสภาเทศบาลตำบลราไวย์ ได้เข้าเยี่ยมและติดตามการฟักของลูกเต่าตนุ ซึ่งแม่เต่าได้ขึ้นมาวางไข่ไว้บริเวณหาดแหลมไผ่ ราไวย์ เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้เกิดคลื่นลมแรงอันเป็นผลจากอิทธิพลพายุไซโคลนยาอาสซัดแนวกั้นหลุมเต่าจนพังเสียหาย และมีน้ำทะเลไหลเข้ามายังหลุมเต่า ทำให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน ทำการขุดและย้ายไข่เต่าที่มีสภาพสมบูรณ์ จำนวน 83 ฟอง มาทำการเพาะฟักที่ศูนย์วิจัยฯ เพื่อความปลอดภัย กระทั่งครบกำหนดฟักออกมาเป็นตัว ใช้ระยะเวลาฟักประมาณ 53 วัน (ปกติใช้เวลาฟัก 45-90 วัน) โดยมีนายกิรัญ กังแฮ นักวิชาการประมงชำนาญการ และเจ้าหน้าที่ฯ กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ให้ข้อมูลรายละเอียด เบื้องต้นไข่เต่าดังกล่าวได้ฟักออกมาแล้วกว่า 40 ตัว ยังเหลืออีกจำนวนหนึ่งที่ทยอยฟักออกมา และจะทำการอนุบาลต่อไปเป็นเวลาประมาณ 1 ปี ก่อนจะปล่อยกลับลงทะเลตามธรรมชาติต่อไป
อย่างไรก็ตามสำหรับลูกเต่าตนุดังกล่าว แม่เต่าตนุได้ขึ้นมาวางไข่ไว้ที่บริเวณหาดแหลมไผ่ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา โดยมีชาวบ้านไปพบเห็นร่องรอย จึงได้แจ้งเทศบาลตำบลราไวย์ประสานเจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร ศูนย์วิจัยฯ เข้าทำการตรวจสอบ และพบว่ามีการวางไข่จริง เบื้องต้นประเมินว่า หลุมไข่เต่าอยู่ไกลจากระดับน้ำทะเลท่วมถึง จึงปล่อยให้มีการฟักตามธรรมชาติ กระทั่งเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 ได้เกิดพายุไซโคลนยาอาสส่งผลให้มีคลื่นแรงและน้ำทะเลซัดจนแนวกั้นหลุมไข่เต่าพังเสียหาย จากการประเมินของเจ้าหน้าที่ฯ หากปล่อยไว้จะส่งผลกระทบกับการฟักตัว จึงได้ทำการขุดไข่ทั้งหมดขึ้นรวม 108 ฟอง พบเป็นไข่ดี 83 ฟองจึงได้นำไปเพาะฟักต่อที่ศูนย์วิจัยฯ กระทั่งฟักออกมาเป็นตัวดังกล่าว