“วัดราไวย์” เน่าหึ่งโลกโซเชียล ไวยาวัจกรเปิดอกแจงน้ำตาคลอ
“วัดราไวย์” เน่าหึ่งโลกโซเชียล
ให้บริษัททัวร์เช่าทำพุทธพาณิชย์
ไวยาวัจกรเปิดอกแจงน้ำตาคลอ
นายกเทศมนตรีราไวย์ ออกมาเป็นประธานการประชุมเคลียร์เรื่องเน่า ที่มีผู้นำไปโพสต์วิจารณ์โจมตีในโลกโซเชียล ที่ไวยาวัจกร นำเอาวัดราไวย์ ไปทำธุรกิจพุทธพาณิชย์กับทัวร์จีน โดยเอาอาคารอนุสาวรีย์อดีตเจ้าอาวาสไปให้บริษัททัวร์จีนเช่า เปิดเป็นสถานที่ตั้งแผงเช่าพระเครื่อง กับเอาที่ดินวัดไปให้เอกชนเช่า ฝ่ายไวยาวัจกร เปิดอกแจงทุกเรื่องทำตามขั้นตอน ผ่านการรู้เห็นของเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ มีบัญชีรับจ่าย และทางบริษัททัวร์จีน ก็ใจป้ำ จ่ายช่วยเหลือท้องถิ่นในทุกเรื่องที่ร้องขอแบบไม่อั้น
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2560 ที่ศาลาครูเสน่ห์ วัดสว่างอารมณ์ หรือวัดราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ. ภูเก็ต นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ เป็นประธานในการชี้แจงข้อเท็จจริงและตอบข้อซักถามของ นายสมใจ อารีรอบ และ นายสุนทร มณีศรี ไวยาวัจกรวัดสว่างอารมณ์ กรณีที่มีผู้โพสต์ข้อมูลผ่านสื่อโซเซียลมีเดีย และก่อให้เกิดความเสียหาย
ในประเด็นเกี่ยวกับการให้บริษัททัวร์จีนเช่าพื้นที่ของวัด กับการนำที่ดินวัดปล่อยให้เอกชนเช่าทำหมู่บ้าน และรายรับรายจ่ายของทางวัด เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และนำข้อเสนอแนะแก้ไขให้ถูกต้อง โดยมีสมาชิกสภาเทศบาลตำบลราไวย์ ผู้นำชุมชน และชาวบ้านในตำบลราไวย์ ร่วมรับฟังคำชี้แจงจำนวนกว่า 120 คน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง มาร่วมสังเกตการณ์และดูแลความสงบ
ก่อนการชี้แจงของทางไวยาวัจกร ประธานในที่ประชุมได้ให้ผู้ที่โพสต์ข้อความในโซเซียลมีเดียและผู้ที่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการบริหารจัดการของทางไวยาวัจกร ตลอดจนการนำพื้นที่และที่ดินของวัดให้บุคคลภายนอกเช่า ทั้งกรณีทัวร์จีน ซึ่งเช่าอาคารอนุสาวรีย์อดีตเจ้าอาวาส ทำให้พุทธศาสนิกชนที่จะเข้าไปกราบนมัสการรูปปั้นของอดีตเจ้าอาวาสไม่สามารถทำได้ เนื่องจากถูกห้ามไม่ให้เข้าไป และการอนุญาตให้จำหน่ายวัตถุมงคลให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเกรงว่าจะเป็นวัตถุมงคลปลอม ไม่ผ่านการปลุกเสก ทั้งอาจจะส่งผลกระทบกับภาพลักษณ์ของพุทธศาสนาและวัดได้
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลกรณีของรถบัสที่รับส่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในวัดจำนวนมาก อาจจะเกิดอันตรายแก่เด็กนักเรียนของโรงเรียนวัดสว่างอารมณ์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณวัด โดยขอให้นำรถไปจอดด้านหลังวัด และให้นักท่องเที่ยวเดินเข้ามา ตลอดจนการขอให้ชี้แจงรายละเอียดรายรับรายจ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาไม่มีการชี้แจงเลย ในขณะเดียวกันผู้อาวุโสของทางตำบลราไวย์ยังขอให้ทุกฝ่ายพูดคุยกันด้วยเหตุและผล รวมทั้งกล่าวถึงการนำข้อมูลไปเสนอโซเซียลนั้น ได้สร้างความเสียหายให้กับชุมชน จึงอยากให้ทุกฝ่ายมาพูดคุยกัน
นายสมใจ อารีรอบ ไวยาวัจกรฯ กล่าวว่า เหตุที่ต้องให้ทัวร์จีนเช่าพื้นที่ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาทางวัดไม่มีรายได้ๆ ซึ่งก่อนที่จะตัดสินใจให้บริษัททัวร์จีนเช่าพื้นที่นั้น ได้มีการปรึกษากับทางเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบลและอำเภอแล้ว ไม่ได้ตัดสินใจเพียงลำพัง นอกจากวัดจะได้ค่าเช่าอาคารอนุสาวรีย์อดีตเจ้าอาวาสจากเดิมเดือนละ ประมาณ 50,000 บาท ปัจจุบันทางบริษัทฯ จ่ายให้กับทางวัดประมาณ 90,000 บาท ซึ่งจำนวนที่เพิ่มมากน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาด้วย เพราะรายได้ส่วนหนึ่งมาจากการจำหน่ายธูปเทียนและดอกไม้
นอกจากนี้ หากมีการร้องขอให้ช่วยเหลือทางบริษัทฯ ก็ไม่เคยขัดข้อง และยังได้สนับสนุนทุนการศึกษาให้กับ โรงเรียนวัดสว่างอารมณ์ ปีละ 50,000 บาท สนับสนุนศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 20,000 บาท ซึ่งจำนวนดังกล่าวยังแบ่งให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านบางคณฑี 5,000 บาท และใสยวนอีก 5,000 บาท รวมทั้งสนับสนุนกองทุนสวัสดิการผู้สูงอายุอีกเดือนละ 5,000 บาท โดยรายรับรายจ่ายต่างๆ ได้มีการจัดทำไว้อย่างชัดเจน สามารถขอดูได้ เพราะแต่ละปีทางวัดจะต้องทำบัญชีรายรับรายจ่ายต่างๆ ส่งให้กับทางสำนักพระพุทธศาสนาด้วย ส่วนกรณีที่มีความกังวลใจว่าเมื่อรถทัวร์เข้ามาในวัดแล้ว จะเป็นอันตรายกับเด็กนักเรียนฯ ก็ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ อปพร.มาคอยดูแล และทางบริษัททัวร์จีนก็เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ แต่หากต้องการจะให้ปรับเปลี่ยนก็พร้อมที่จะเข้าไปแก้ไข
ส่วนประเด็นการนำที่ดินวัดซึ่งเป็นสวนยางพาราอยู่ในซอยสวนวัด หมู่ที่ 1 เนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ ให้เอกชนรายหนึ่งเช่าเป็นเวลา 30 ปีนั้น ก็มีขั้นตอนที่ดำเนินการตามระเบียบของกรมศาสนาทุกประการ และก่อนที่จะอนุญาตให้เช่านั้นก็ต้องได้รับการอนุญาตตามขั้นตอน โดยจำนวนค่าเช่าก็ไม่ได้มากเท่ากับที่มีการนำไปกล่าวหาในโซเซียลว่าสูงถึง 50 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมตัวเลขรายได้ตลอดระยะเวลาการเช่าจะอยู่ที่ประมาณ 29 ล้านบาท เนื่องจากอัตราค่าเช่านั้นมีการกำหนดเป็นขั้นบันไดซึ่งก็สามารถมาดูเอกสารได้เช่นกัน นายสมใจ กล่าว
ภายหลังจากที่มีการตอบข้อซักถามในประเด็นต่างๆ เรียบร้อยแล้ว นายอรุณโสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ ได้สรุปว่า ในกรณีของรถทัวร์นั้น จากเดิมที่เข้ามาส่งนักท่องเที่ยวทางด้านหน้าวัดก็ขอให้นำรถไปจอดด้านหลังวัด และขอให้นักท่องเที่ยวเดินเข้ามา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับเด็กนักเรียนที่อยู่ภายในวัด
ส่วนกรณีของอาคารอนุสาวรีย์อดีตเจ้าอาวาสก็จะไม่ให้เช่าต่อไป โดยให้หาพื้นที่อื่นแทน ส่วนประเด็นที่ให้ยกเลิกการให้ทัวร์จีนเข้ามาในวัดนั้น ยังคงอยู่ในขั้นตอนของการตัดสินใจ เพราะมีทั้งผู้ที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ซึ่งหากดำเนินการต่อก็จะต้องไปปรับปรุงแก้ไขการบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และให้มีการจัดทำรายรับรายจ่ายติดประกาศไว้ภายในวัดทุกเดือน รวมทั้งเสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้น 1 ชุด เพื่อให้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาการบริหารงานต่างๆ ของวัด จำนวน 15 คน เบื้องต้นให้ผู้ใหญ่บ้านแต่ละหมู่บ้านซึ่งนับถือศาสนาพุทธ และสมาชิกสภาเทศบาลตำบลราไวย์ร่วมเป็นกรรมการ ส่วนที่เหลือก็ขอให้ คัดเลือกตามความเหมาะสม สำหรับกรณีของวัตถุมงคลนั้นก็ขอให้ทางไวยาวัจกรเข้ามาตรวจสอบถึงที่มาที่ไปว่า วัตถุมงคลที่นำมาจำหน่ายให้กับท่องเที่ยวนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร
ทั้งนี้ก่อนปิดการประชุม นายสมใจ ได้กล่าวความในใจทั้งน้ำตา และกล่าวถึงเหตุผลของการที่ยังอยู่ในตำแหน่งไวยวัจกรนั้น เนื่องจากมีหน้าที่รับผิดชอบในการนำที่ดินของวัดกลับมาให้กับวัดอีก 1 แปลง เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ ซึ่งขณะนี้ทางคดีชนะแล้ว และเมื่อได้ที่ดินกลับมาก็จะให้ทำเป็นสถานที่สำหรับผู้สูงอายุและเด็กๆ และก่อนหน้านี้ก็ได้นำที่ดินซึ่งนายทุนกำลังบุกรุกกลับคืนมาเป็นของวัดเกาะแก้วพิสดาร ซึ่งในการทำเรื่องเหล่านั้นไม่เคยมีใครมองเห็น และไม่มีการนำมาบอกกล่าวให้คนทั่วไปได้รับรู้ ส่วนตัวยอมรับว่าบางครั้งก็ทำเรื่องผิดพลาดก็ต้องขออภัยไว้ด้วย และพร้อมที่จะแก้ไข นอกจากนี้หากมีข้อสงสัยใดๆ ก็พร้อมชี้แจง และรับคำแนะนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น เพราะตนเป็นคนราไวย์