ว่า “เข้ยะนุ้ย” หลุดจากบ่อแน่ เก็บ DNA 2 อาทิตย์รู้สายพันธุ์

       สัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ลงพื้นที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต เก็บตัวอย่าง DNAจระเข้ “ยะนุ้ย” ที่พลัดหลงโผล่มาเกยหาด โดยไม่รู้ที่มาที่ไป สร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยว กว่า 10 วัน และไปถูกจับได้ที่หาดลายัน  คาด 2 สัปดาห์รู้ผล ด้านประมงจังหวัดภูเก็ตขอความร่วมมือผู้ที่เลี้ยงจระเข้ในพื้นที่ มาจดแจ้งการครอบครองให้ถูกต้อง

        เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 15 สิงหาคม 2561 เวลา 10.30 น. นายโกวิทย์ เก้าเอี้ยน ประมงจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายไพศาล สุขปุณพันธ์ เจ้าพนักงานประมงอาวุโส หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต และสัตวแพทย์ จากคณะสัตวแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ประกอบด้วย น.สพ พีรวัส วงษ์ลือชัย และ สพ.ญ.นรีรัตน์ สังขะไชย ผู้ช่วยวิจัย คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เดินไปที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5 (ภูเก็ต) อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ทำการเก็บตัวอย่างเลือด เพื่อตรวจหา DNA จระเข้ยะนุ้ยที่ถูกจับได้ที่บริเวณปลายแหลมเกาะทะหาดลายัน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อคืนวันที่  28 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา  โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัท ภูเก็ตคร็อกโคไดล์เวิร์ค จำกัด ร่วมดำเนินการด้วย

        จากการตรวจสอบของทีมสัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ พบว่าจระเข้ตัวนี้มีความยาว 2.50 เมตร เป็นจระเข้เพศเมีย ไม่พบการฝังไมโครชิพ  สภาพแข็งแรงสมบูรณ์ แต่มีบาดแผลภายนอกเล็กน้อยเบื้องต้นได้มีการตรวจสุขภาพตรวจหาโรคพยาธิแฝง และได้มีการเก็บตัวอย่างเลือดไป เพื่อจะส่งไปยังมหามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อจะตรวจหา DNA พิสูจน์ว่าเป็นสายพันธุ์อะไรเป็นจระเข้น้ำเค็มแท้ที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ หรือเป็นจระเข้น้ำเค็มพันธุ์ผสม ซึ่งผลการตรวจ DNA จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์

        นายโกวิทย์  เก้าเอี้ยน ประมงจังหวัดภูเก็ต  เปิดเผยว่า ขณะนี้จังหวัดภูเก็ต ได้ออกประกาศจังหวัด เรื่องขอให้ผู้ที่ครอบครองจระเข้ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และไม่ได้จดแจ้งการครอบครองที่ถูกต้องให้ รีบแจ้งจังหวัด ตามรายละเอียด ดังนี้ ตามที่ ได้มีประชาชนพบเห็นจระเข้ในแหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตอยู่บ่อยครั้ง โดยไม่ทราบแหล่งที่มาที่ชัดเจน ทำให้เกิดผลกระทบด้านความปลอดภัยของประชาชน และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อลดผลกระทบเชิงลบ และแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีผู้ที่มาแจ้งลงทะเบียน รวมทั้งเรื่องของการแจ้งเบาะแสแต่อย่างใด ดังนั้นหากไม่ดำเนินการและมีการตรวจสอบพบจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 และมาตรา 49 มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ ช่วยสอดส่อง หากพบเห็นผู้มีพฤติกรรม ซื้ออาหารสัตว์ หรือโครงไก่ในปริมาณมากเกินความจำเป็น หรือคาดว่าจะมีการครอบครองเลี้ยงจระเข้โดยไม่ได้รับอนุญาต ให้แจ้งเบาะแสได้ที่ สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต หมายเลขโทรศัพท์ 0-7621-2460, 08-9866-5991, 08-1731-8923 ผู้แจ้งเบาะแสทางจังหวัดมีรางวัลตอบแทนให้

        ทางด้าน นายไพศาล สุขปุณพันธ์ หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการไปสำรวจจากฟาร์มเลี้ยง ทั้ง 5 แห่งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ไม่มีรายงานจระเข้หลุดออกมา จึงสันนิษฐานได้ว่าจระเข้ตัวนี้น่าที่จะมาจากการลักลอบเลี้ยง โดยมีข้อมูลที่ชัดเจนคือ มีตะไคร้น้ำบนหลังของจระเข้ ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกว่าน่าจะอยู่ในที่ที่มีน้ำขังเป็นเวลานาน