สภาพลังงานฯ ภูเก็ตร่วมค้าน เปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียม
สมาชิกสภาพลังงานเพื่อประชาชนจังหวัดภูเก็ต กว่า 50 คนร่วมยื่น หนังสือ ขอให้ชะลอการเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมบงกช และเอราวัณ ผ่าน ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ส่งต่อรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ระบุ ขอให้ปรับโครงสร้างราคาพลังงาน อย่างน้อย 3 บาท /กิโลกรัม เช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2561 เวลา 10.30 น.ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตในขณะนั้น พร้อมด้วยนายถาวรวัฒน์ คงแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นตัวแทนรับหนังสือร้องเรียน เรื่องขอให้ชะลอการเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมบงกชและเอราวัณออกไปก่อน จากนายสมคิด บางทอง ประธานสภาพลังงานเพื่อประชาชนจังหวัดภูเก็ต และสมาชิกสภาพลังงานเพื่อประชาชนจังหวัดภูเก็ตกว่า 50 คน โดยให้จังหวัดเป็นสื่อกลางในการส่งเอกสารเรื่อง “ขอให้ชะลอการเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมบงกชและเอราวัณ” ต่อให้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีต่อไป
นายสมคิด บางทอง ประธานสภาพลังงานเพื่อประชาชนจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อให้จังหวัดรับเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับรายชื่อผู้สนับสนุนให้เสนอรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปฏิรูปพลังงานไทยให้เป็นธรรมต่อคนไทย ซึ่งมีการลงนามรายชื่อมาจำนวน 1,059 ราย โดยรายละเอียดในเอกสารต้องการให้รัฐบาลดำเนินการ 2 เรื่อง คือ 1.แก้ไขเรื่อง TOR แหล่งบงกชและเอราวัณให้ใช้ระบบสัญญาจ้างผลิต และตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติ 2.ขอให้แก้ไขโครงสร้างราคาพลังงานไทยให้ลดราคาแก๊ส และน้ำมันอย่างน้อย 3 บาทต่อกิโลกรัม (ลิตร) มูลค่า 100,000 ล้านบาทต่อปี
นายสมคิด กล่าวอีกว่า เรื่องขอให้ชะลอการเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมบงกชและเอราวัณออกไปก่อนเนื่องจากสมาชิกสภาพลังงานเพื่อประชาชนจังหวัดภูเก็ต มีความเห็นว่า กฎหมายที่เกี่ยวข้องมีข้อบกพร่องอย่างร้ายแรงซึ่งจะนำไปสู่การฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 มาตรา 164 (1) โดยจะทำให้การบริหารงานของคณะรัฐมนตรีไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประเทศ และประชาชนส่วนรวม สำหรับการยื่นเรื่องในวันนี้ถือเป็นการแสดงออกทางสัญลักษณ์ที่ทำพร้อมกันกับสมาชิกสภาพลังงานเพื่อประชาชนทั่วประเทศ และมีตัวแทนส่วนหนึ่งเดินทางไปยื่นเรื่องดังกล่าวที่ส่วนกลางต่อรัฐบาลด้วย
โอกาสนี้ นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เบื้องต้นจังหวัดจะรับหนังสือเอกสารหลักฐานต่างๆไว้โดยจะส่งต่อให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ตดำเนินการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน จากนั้นจังหวัดจะสรุปเอกสารหลักฐานทั้งหมดส่งต่อให้แก่นายกรัฐมนตรีต่อไป