อนุรักษ์เต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติ กระตุ้นจิตสำนึกร่วมกันอนุรักษ์เต่าทะเล โครงการ อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล คืนสู่ธรรมชาติ ครั้งที่ 6
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา โรงแรมในยาง บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา จับมือ โรงแรม แน็ป ป่าตอง โรงแรมพราว ภูเก็ต บริษัท ซีค ดีไซน์ จำกัด โรงแรมในเครือขจรเกียรติ โรงแรมและพันธมิตร เตรียมจัดกิจกรรม “Keep Calm and Love Turtle #6” อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล คืนสู่ธรรมชาติ ครั้งที่ 6 เพื่อสืบสานตามแนวพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ ชายหาดในยาง จังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 10 มีนาคมนี้ ภายใต้แนวคิด การเพิ่มและการให้
นายประกอบ วงศ์มณีรุ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน นายธเนศ ตันติพิระยะกิจ กรรมการบริหารโรงแรมในยาง บีช รีสอร์ท แอนด์สปา นายปัญญา วงศ์ทวีพิทยากุล ผู้จัดการโรงแรมแน็ปป่าตอง นายเพิ่มเกียรติ เดชกุล รองประธานโรงเรียนในเครือขจรเกียรติ นางพรทิพย์ โลห์แก้ว นายก สอรด. โรงแรมพราว ภูเก็ต นายคัมภีร์ มณีโลกย์ ผู้จัดการฝ่ายขายภาค 2 บริษัท หาดทิพย์ มหาชน จำกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานแถลงข่าว การเตรียมจัดกิจกรรม “Keep Calm and Love Turtle #6”อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติ(ปล่อยเต่ากลับบ้าน) ครั้งที่ 6 ณ โรงเรียนขจรเกียรติศึกษากะทู้
โดยในปีนี้ได้กำหนดจัดงาน วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม 2561 นี้ ณ ชายหาดในยาง จังหวัดภูเก็ต เพื่อร่วมกันอนุรักษ์เต่าทะเล ตามแนวพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ภายใต้แนวคิด การเพิ่มและการให้ โดยการเพิ่มในที่นี้หมายถึง การเพิ่มจำนวนประชากรเต่าทะเลในธรรมชาติให้มากขึ้น ผ่านทางการจัดกิจกรรมปล่อยเต่าตนุที่มีอายุตั้งแต่ 10-12 เดือน จำนวน 100 ตัว เพื่อกลับคืนสู่ธรรมชาติบริเวณหาดในยาง ในเวลา 17.00 น. ควบคู่กับการให้ความช่วยเหลือเต่าที่ป่วยและพิการ ซึ่งถูกอนุบาลอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ด้วยการบริจาคยาและสิ่งของที่จำเป็นให้กับทางศูนย์อนุบาล ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือสนับสนุนงบประมาณเพื่อขยายและเพิ่มพื้นที่สำหรับอนุบาลเต่าที่ป่วยและพิการให้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยลดความแออัดและให้เต่าที่ป่วยและพิการได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งพบว่าปัจจุบันในจังหวัดภูเก็ตมีเต่าที่ป่วยและพิการ ที่อยู่ในความดูแลของศูนย์อนุบาลจำนวนมากและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากภัยคุกคามจากเครื่องมือประมงและขยะจากทะเล
นายประกอบ วงศ์มณีรุ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า กิจกรรมอนุรักษ์เต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติครั้งนี้ ไม่เพียงจะช่วยกระตุ้นจิตสำนึกของคนให้หันมาใส่ใจต่อการร่วมกันอนุรักษ์เต่าทะเลมากขึ้นตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แล้วยังเป็นการช่วยกันรณรงค์ให้ชุมชน ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยว ใส่ใจต่อการอนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้มีความอุดมสมบูรณ์ เพื่อให้เต่าทะเลได้กลับมาวางไข่ หลังพบว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชายหาดทางทิศตะวันตกทั่วเกาะภูเก็ตไม่พบว่ามีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่อีกเลย
ขณะที่ ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน ระบุว่า ลูกเต่าที่ปล่อยคืนสู่ทะเลต้องมีอายุอย่างต่ำ 8 เดือนขึ้นไป เพราะเต่าจะสามารถเอาตัวรอดในธรรมชาติได้เอง นอกจากนี้เต่าตนุทุกตัวจะถูกติดตั้งอินโคเนลเทคเอาไว้ก่อนที่จะปล่อยลงสู่ทะเลทุกครั้ง ทั้งนี้ผลจากการจัดกิจกรรมปล่อยเต่าคืนสู่ธรรมชาติในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีข้อมูลพบว่าชาวประมงพบเห็นประชากรเต่าและประสานกลับมายังศูนย์วิจัยตามข้อมูลที่มีการระบุไว้ในอินโคเนลเทค นับเป็นสิ่งบ่งชี้ที่ดีว่า ชุมชนเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์เต่าทะเลเพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบันนี้จำนวนประชากรเต่ายังถือว่าน่าเป็นห่วง เนื่องจากมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ด้วยหลายปัจจัย อาทิ การถูกล่าเพื่อนำเนื้อและไข่มาบริโภค การเติบโตขึ้นของชุมชนเมือง การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติของชายหาด และแนวปะการัง ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเต่าทะเล ทำให้เต่าทะเลที่จะเจริญเติบโตไปเป็นพ่อแม่พันธุ์ลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งที่ผ่านมาในประเทศไทยสถิติการวางไข่ของเต่าทะเลมีจำนวนลดลงมากกว่า 5 เท่า จากเดิมที่เคยมีข้อมูลพบมากกว่า 2,500 รังต่อปี แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 300-400 รังต่อปีเท่านั้น
ในส่วนของจังหวัดภูเก็ต ล่าสุดไม่พบข้อมูลว่ามีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่อีกเลย โดยส่วนมากพบว่า เต่าตนุจะขึ้นไปวางไข่ที่เกาะสิมิลัน เนื่องจากมีความเงียบสงบ อย่างไรในอดีต ชายหาดในยางจังหวัดภูเก็ต เคยถูกพบว่าเป็นพื้นที่หนึ่งที่พบเห็นเต่าตนุขึ้นมาวางไข่เป็นจำนวนมาก โดยกิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือกันของหลายภาคส่วน อาทิ โรงแรมในยาง บีช รีสอร์ท แอนด์สปา โรงแรมแน็ปป่าตอง โรงแรมพราว ภูเก็ต บริษัท ซีกดีไซด์ จำกัด โรงเรียนขจรเกียรติ สาขากะทู้ ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน รวมถึงศูนย์อนุรักษ์เต่าทะเล ทัพเรือภาคที่ 3