เบรกสร้าง“เขื่อนดูรา-โฮลด์”กะรน ว่าเป็นหาดสมดุลไม่ควรให้เกิดขึ้น
ทช.ลงพื้นที่ร่วมกับนายอำเภอเมืองภูเก็ต-นักวิชาการ เพื่อหาทางออกหลังเทศบาลกะรนสร้างเขื่อนดูรา – โฮลด์ หาดกะรน ความยาว 470 เมตร ได้ข้อสรุปชัด “หาดกะรน” เป็นลักษณะหาดสมดุล ไม่ควรมีการก่อสร้างใดๆ เพราะจะกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งระยะยาว
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า กรณีที่มีการก่อสร้างเขื่อนดูรา-โฮลด์ บริเวณหน้าหาดกะรน ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต และมีการวิจารณ์กันหลายแง่มุม ดังนั้นเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้ นายปรานต์ ดิลกคุณากุล ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่ง ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับ ว่าที่ ร.ต.วิกรม จากที่ นายอำเภอเมืองภูเก็ต นายกเทศมนตรีตำบลกะรน เจ้าหน้าที่สำนักบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน ผู้ทรงคุณวุฒิจากทช.เพื่อหาทางออกหลังจากที่ได้มีการก่อสร้างเขื่อนดังกล่าวไปแล้วบางส่วน
จากรายงานผลการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าการก่อสร้างเขื่อนนี้วัตถุประสงค์เพื่อการปรับปรุงภูมิทัศน์ และสาธารณูปโภคบริเวณหนองหาน หาดกะรน และเป็นการป้องกันดินทรายจากฝั่งไหลลงสู่ทะเลโครงสร้างเขื่อนมีความยาวทั้งหมด 470 เมตร และได้ก่อสร้างแล้วประมาณ 280 เมตร ผู้ที่เกี่ยวข้องที่ไปตรวจสอบส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า พื้นที่หาดกะรนบริเวณที่สร้างเขื่อนมีลักษณะเป็นหาดสมดุล ไม่ควรมีการก่อสร้างใดๆ ในพื้นที่หน้าหาดเกินจากแนวเส้นชายฝั่ง เนื่องจากอาจส่งผลกระทบหรือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งในระยะยาวได้
นายจตุพร กล่าวต่อว่า แต่ถ้าหากเทศบาลตำบลกะรนจะยังดำเนินการต่อไป จะต้องมีมาตรการในการติดตามและฟื้นฟูพื้นที่ที่เกิดการกัดเซาะ จากสาเหตุมาจากการสร้างเขื่อนดังกล่าว ตามแนวทางของ ทช. เช่น การเสริมทรายชายหาด หรือทำโครงสร้างชั่วคราวดักตะกอน บริเวณปลายโครงสร้างแข็ง และปรับความชันของสันทรายบริเวณหน้าโครงสร้างเขื่อนให้คล้ายคลึงกับสันทรายชายหาดตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ ทซ.ยังได้เสนอให้มีการปรับปรุงแบบโครงสร้างที่ยังไม่ได้ดำเนินการก่อสร้าง อีกประมาณ 190 เมตรโดยให้ปรับเปลี่ยนแนวโครงสร้างให้อยู่หลังแนวเส้นชายฝั่ง โดยคำนึงถึงความสมดุลตามลักษณะธรณีสัณฐานของหาด พร้อมทั้งปรับความชันของเนินทรายหน้าโครงสร้างทั้งหมดให้อยู่ในระดับเดียวกัน หรืออยู่สูงกว่าโครงสร้าง เพื่อเป็นแนวชะลอความรุนแรงของคลื่นในฤดูมรสุม