โลกโซเชียลประจานภูเก็ต ไร้ปัญญารักษาทัศนียภาพ
ภูเก็ตฉาวกระฉ่อนอีก โลกโซเชียลแชร์โพสต์ประจานความงี่เง่าไม่เอาไหนของจังหวัดไม่มีปัญญารักษาทัศนียภาพอันสวยงามของธรรมชาติไว้คู่แผ่นดินไทย ปล่อยให้มีการก่อสร้างอาคารบ้านหรูขึ้นบนไหล่เขา ทางไปแหลมกระทิง บังทัศนียภาพอันสวยงามของทะเล แหลมพรมเทพไปอย่างน่าเสียดาย เทศบาลราไวย์เจ้าของพื้นที่บอกหมดปัญญา เพราะที่ดินมีเอกสารสิทธิมีเนื้อที่ถึง 14 ไร่ เจ้าของมีสิทธิขออนุญาตก่อสร้างบ้านอยู่อาศัยได้ ว่าขออนุญาตสร้างบ้านตากอากาศ 4 หลัง มูลค่า 20 ล้านบาท หลังเกิดเรื่องฉาวในโลกโซเชียล เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่างยกโขยงเข้าไปตรวจสอบ และได้นำเครื่อง GPS เข้าไปวัดค่าพิกัด ด้านเทศบาลราไวย์ ก็เข้าไปตรวจแบบการก่อสร้าง พบสร้างเกินที่ขออนุญาต สั่งระงับและให้แก้ไขแล้ว
ภูเก็ตเน่าเป็นข่าวฉาวขึ้นมาอีกครั้ง หลังผู้ใช้เฟซบุ๊ก นาม “Bank Thanadon” ได้โพสต์รูปภาพ 2 ภาพ โดยภาพด้านบนเขียนว่า Before เป็นภาพวิวทะเลที่สามารถมองเห็นได้อย่างสวยงามในขณะขับรถอยู่บนถนนจากหาดในหาน ไปยังอ่าเสน และแหลมกระทิง ในพื้นที่ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นภาพที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างสวยงาม สามารถมองเห็นแหลมพรหมเทพ กังหันลม และหาดในหาน
ส่วนอีกภาพอยู่ด้านล่าง เขียนที่ภาพด้วยคำว่า After จุดเดียวกับภาพแรก แต่บริเวณด้านซ้ายมือของภภาพที่สามารถมองเห็นทะเล กลับมองเห็นเป็นตัวอาคารคอนกรีต2 หลัง ก่อสร้างติดริมถนน บดบังทัศนียภาพวิวทะเล นอกจากการโพสต์ภาพดังกล่าวแล้ว ผู้ใช้เฟซบุ๊กยังได้ระบุข้อความว่า
“ไม่รู้จะด่าอะไรแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะด่าใคร วินาทีแรกที่เห็นเสียดายจนพูดไม่ออก เพิ่มเติมนะครับ สถานที่ในรูปนี้อยู่ในจังหวัดภูเก็ต เป็นถนนจากหาดในหานไปแหลมกระทิง ซึ่งตอนนี้ค่อนข้างเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว ก่อนที่จะมีตึกนี้มาสร้างก็สวยเหมือนในรูปบนนั่นแหละครับ แต่ในรูปผมแค่เพิ่มสีเข้าไป วิวจะสวยมากในช่วงเย็นๆ เพราะเราจะเห็นพระอาทิตย์ตกได้จากตรงนี้”
หลังจากที่มีการโพสต์ข้อความ และรูปภาพดังกล่าวออกมาเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีการแชร์ต่อข้อความ และรูปภาพดังกล่าวต่อๆไปกันอย่างกว้างขวาง รวมทั้งมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการก่อสร้างดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่สงสัยว่าการก่อสร้างอาคารดังกล่าวทำได้อย่างไร เอกสารสิทธิที่ดินออกมาได้อย่างไร ใครเป็นเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าว ภาครัฐทำไมไม่มีการตรวจสอบ จนทำให้ขณะนี้ประเด็นดังกล่าวกลับกลายเป็นเรื่องฉาวร้อนระอุขึ้นมา
เนื่องจากก่อนหน้านี้ เมื่อเดือน ม.ค. 60 ได้มีการร้องเรียนผ่านทางเพจ“เสียงประชาชน คนภูเก็ต” มาแล้วครั้งหนึ่ง ถึงข้อสงสัยในการก่อสร้างอาคารดังกล่าว ว่าสร้างได้อย่างไร ทั้งๆที่ พื้นที่ในการก่อสร้างอยู่บริเวณไหล่เขา มีความสูงชัน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางเพจเสียงประชาชน คนภูเก็ต ได้นำเรื่องนี้มาโพสต์อีกครั้ง โดยมีใจความบางส่วนระบุว่า #เห็นแล้วเสียดาย #ช่วยกันแชร์หน่อย #สร้างตรงนี้ได้ด้วยหรือ? #ต้องมีใครสักคนที่ออกมาชี้แจง เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ชาวภูเก็ตเกิดความสงสัยเป็นอย่างมากว่าพื้นที่ข้างถนนเส้นทางจากหาดในหาน ไปแหลมกระทิง ตรงไหล่เขาแบบนี้สามารถออกโฉนดสร้างสิ่งปลูกสร้างได้ด้วยหรือ?
แถมสิ่งก่อสร้างยังบดบังทัศนียภาพที่สวยงามอีก แต่ก็ยังไม่มีใคร หรือหน่วยงานใดออกมาชี้แจง แม้แต่เทศบาลตำบลราไวย์ ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ คสช.จ.ภูเก็ต และผู้ว่าฯ ภูเก็ต ทุกหน่วยงานต่างปล่อยเกียร์ว่าง เอาหูไปนา เอาตาไปไร่กันหมด ปล่อยให้มีการก่อสร้างจนใกล้เสร็จแล้ว
หากพื้นที่ดังกล่าวนี้มีโฉนดที่ดินถูกต้องทีมงานแอดมินก็ยินดีช่วยชี้แจงประชาสัมพันธ์ให้ชาวภูเก็ตได้รับทราบ แต่ถ้าหากไม่มีโฉนด และไม่สามารถก่อสร้างได้ก็ขอให้หน่วยงานทั้งหลายระงับการก่อสร้าง และรื้อถอนโดยเร็ว อย่าปล่อยให้เป็นแบบนี้เลยครับ พร้อมกับระบุถึงการออกมาโพสต์ข้อความ และภาพโดย Bank Thanadon
อย่างไรก็ตาม ทางเทศบาลตำบลราไวย์ ก็ได้ออกมาชี้แจงผ่านทางแฟนเพจของเทศบาลตำบลราไวย์ เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า จากเรื่องที่มีการร้องเรียนในเฟซบุ๊กเพจประชาชน เรื่องการวางผังที่ก่อสร้างตามภาพดังกล่าวของคุณ @PhanrakKanyanatทางเทศบาลตำบลราไวย์ ขอชี้แจง ดังนี้
เทศบาลตำบลราไวย์ ได้รับเอกสารขออนุญาตการก่อสร้างบ้านในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งทางกองช่างได้เข้าตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่ดิน และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 2522 เมื่อกองช่างพิจารณาตามเอกสารหลักฐานแล้วว่าสามารถที่จะก่อสร้างได้ ไม่ขัดต่อกฎหมายที่ได้กำหนดไว้ข้างต้น
ส่วนในเรื่องของการออกเอกสารโฉนดที่ดิน เป็นเรื่องของทางที่ดิน เมื่อเจ้าของมีเอกสารครบถ้วนก็สามารถยื่นขออนุญาตก่อสร้างได้ตามที่กฎหมายกำหนด ในเรื่องของการออกมาแสดงความคิดเห็นก็สามารถกระทำได้ตามความรู้สึก เพราะอาจเข้าใจว่าสถานที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ เมื่อก่อนสามารถเข้าไปถ่ายรูปได้ ไปนั่งชมวิวได้ ขับรถผ่านก็มีวิวสวย โดยที่เราอาจจะไม่รู้ว่าเป็นที่ดินของใคร เป็นที่อะไร เพราะไม่มีป้าย หรือสัญลักษณ์อะไรแสดงไว้ แต่ปัจจุบันผู้ครอบครองที่ดินได้แสดงสิทธิ และใช้สิทธิมาขออนุญาตก่อสร้างบ้าน ตามกระบวนของกฎหมายที่กำหนดไว้ เทศบาลเป็นผู้พิจารณาตามระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จึงเรียนให้ประชาชนได้ทราบโดยทั่วกัน
ล่าสุด เมื่อบ่ายเวลา 13.00 น.ของวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบยังจุดที่มีการก่อสร้างตามที่ผู้โพสต์ระบุ ปรากฏว่า การเดินทางไปยังจุดดังกล่าวต้องขับรถไปทางหาดในหาน และจะต้องขับรถผ่านไปทางด้านหน้าโรงแรมขนาดใหญ่ หลังจากนั้น จะต้องขับรถไปตามถนนเล็กๆ ที่รถขนาดใหญ่ไม่สามารถวิ่งสวนทางกัน ต้องขับรถไปช้าๆ ด้วยความระมัดระวัง โดยริมถนนด้านขวามือเป็นเนินเขาสูงบ้างต่ำบ้างสลับกันไป ส่วนด้านซ้ายมือมองลงไปจะเห็นทะเล แต่อยู่ต่ำกว่าระดับถนนมาก ขณะที่ขับรถผ่านไปด้านซ้ายมือจะพบว่ามีการก่อสร้างเช่นกัน จนกระทั่งขับไปได้ประมาณ 800 เมตร ก่อนถึงอ่าวเสน พบว่า บริเวณด้านซ้ายมือมีการก่อสร้างร้านอาคาร 2 ชั้น จากถนนขึ้นไป ส่วนบริเวณไหล่เขาก็มีการก่อสร้างลดหลั่นลงมา
เมื่อขับรถเลยไปอีกประมาณ 10 เมตร ก็จะพบว่ามีการก่อสร้างอาคารที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในโซเซียลอยู่ขณะนี้ โดยมีการก่อสร้างอาคาร 2 หลัง ลักษณะคล้ายบ้านพักตากอากาศหรู พบคนงานกำลังก่อสร้างอาคารดังกล่าว ซึ่งเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะเป็นบ้านพักตากอากาศที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างสวยงามโดยที่ไม่มีอะไรมาบดบัง ทั้งแหลมพรหมเทพ จุดชมวิวชื่อดังของภูเก็ต จุดชมวิวกังหันลม เขาแดง อ่าวเสน หาดในหาน ได้อย่างชัดเจน
จากการสอบถามคนงานก่อสร้างทราบเพียงว่า บ้านพักตากอากาศทั้ง 2 หลัง มีเจ้าของเป็นคนไทย ชื่อ “นายหัวหรั่ง” ไม่ใช่คนภูเก็ต แต่เป็นคนต่างถิ่นมาจากที่อื่น โดยที่ดินบริเวณดังกล่าวทราบว่าทางเจ้าของมีเอกสารสิทธิถูกต้อง โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ แปลงที่อยู่บริเวณทางด้านซ้ายมือของถนนซึ่งเป็นฝั่งเดียวกับทะเล มีเนื้อที่ 14 ไร่ เบื้องต้น มีการสร้างบ้านพัก จำนวน 2 หลัง ส่วนอีกแปลงอยู่ตรงข้ามกันพื้นที่ยาวไปถึงแหลมกระทิง เนื้อที่ประมาณ 49 ไร่ ขณะนี้ยังไม่มีการพัฒนาแต่อย่างใด แต่คาดว่าในอนาคตน่าจะมีการก่อสร้างเกิดขึ้น
คนงานยังได้กล่าวต่อไปว่า สำหรับที่ดินแปลงดังกล่าวมีการร้องเรียนกันมานานแล้ว มีหลายหน่วยงานลงมาตรวจสอบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของทหาร จังหวัด และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่มีผลอะไร เพราะทางเจ้าของยืนยันมีเอกสารสิทธิที่ถูกต้อง และตกทอดกันมา และการก่อสร้างมีการขออนุญาตจากทางเทศบาลตำบลราไวย์ เรียบร้อยแล้ว
ต่อมาวันที่ 31 ก.ค.60 นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบการก่อสร้างบ้านหรูดังกล่าว โดยมี น.อ.บวร พรมแก้วงาม ร.น. รอง กอ.รมน.ภูเก็ต นายเกษม สุขวารี ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ท.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม รอง ผบ.ร25 พัน 3 ชุดรักษาความสงบจังหวัดภูเก็ต นายธนกัญจน์ ธโนปจัยรัตน์ นายช่างรังวัดชำนาญงาน สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ภูเก็ต ฝ่ายปกครอง ผอ.กองช่าง เทศบาลตำบลราไวย์ ตัวแทนป่าไมจังหวัดภูเก็ต เป็นต้น
โดยทางเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต ได้นำเครื่อง GPS ไปวัดค่าพิกัดพื้นก่อสร้างบ้านหรูดังกล่าวว่าตั้งอยู่ในพื้นที่ระยะที่ 1 หรือ ระยะที่ 2 ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำมาวิเคราะห์ประมวลผลให้ชัดเจน เพราะหากที่ดินที่ก่อสร้างตั้งอยู่ในพื้นที่ระยะถ่อยร่นที่ 1 ซึ่งเป็นระยะถอยร่นจากน้ำทะเลท่วมถึงสูงสุด 20 เมตร สามารถสร้างอาคารสูงได้ 6 เมตร แต่หากตั้งอยู่ในระยะที่ 2 เป็นระยะถอยร่นจากน้ำทะเลท่วมถึงสูงสุด 50 เมตร จะสามารถก่อสร้างได้สูง 12 เมตร
นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ กล่าวว่า ภายหลังจากที่มีการตั้งข้อสงสัยถึงการก่อสร้างบ้านหรูบนเนินเขาริมทะเลทางไปอ่าวเสนในโซเชียลนั้น วันนี้จึงได้นัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบการก่อสร้างดังกล่าว ซึ่งทางเทศบาลขอชี้แจงให้ทราบว่า เทศบาลตำบลราไวย์ได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยก่อนที่จะยื่นขออนุญาตก่อสร้าง ทางตัวแทนเจ้าของบ้านได้เข้ามาปรึกษาหารือกับเทศบาลหลายรอบเพื่อให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด หลังจากนั้นได้ยื่นแบบขออนุญาตก่อสร้างมายังเทศบาล เพื่อก่อสร้างบ้านพักอาศัยจำนวน 4 หลัง มีทั้ง2 ชั้น และ3 ชั้น
ทางกองช่างของเทศบาลได้ทำการตรวจสอบเอกสารต่างๆ โครงสร้างความแข็งแรงของอาคาร กฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าวหลายครั้ง พร้อมทั้งได้แจ้งไปยังเจ้าของที่ดินว่า พื้นที่ดังกล่าวสามารถก่อสร้างบ้านพักอาศัยได้ แต่ไม่สามารถก่อสร้างโรงแรมหรืออาคารชุดได้ จึงได้อนุญาตก่อสร้างบ้านหรูดังกล่าวตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522
ภายหลังมีกระแสข่าวสงสัยการก่อสร้างบ้านหรูดังกล่าว ตนจึงได้สั่งการให้ทางกองช่างลงไปสำรวจพื้นที่และการก่อสร้างอีกครั้งเมื่อวานนี้ ว่าเป็นไปตามใบอนุญาตก่อสร้างหรือไม่ จากการตรวจสอบพบว่า มีการก่อสร้างนอกเหนือจากที่มีการขออนุญาตบางส่วน เช่น ลานจอดรถที่มีเสาเพิ่มขึ้นมา 2 จุด ลานโล่งๆพร้อมเสาที่อยู่ด้านล่างของบ้าน 2 จุด ระยะถอยร่นไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งทางเทศบาลได้ทำหนังสือแจ้งให้ระงับการก่อสร้างบ้านหรูดังกล่าวตั้งแต่วันนี้ และหากในส่วนที่ก่อสร้างเพิ่มเติมหรือก่อสร้างผิดไปจากแบบที่ขอไม่สามารถปรับปรุงได้ เจ้าของโครงการจะต้องรื้อสิ่งก่อสร้างภายใน 30 วัน นับจากวันนี้ หากฝ่าฝืนทางเทศบาลจะแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้านนายเกษม สุขวารี ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการก่อสร้างบ้านหรูดังกล่าว เป็นการตรวจสอบว่าพื้นที่ที่มีการอนุญาตก่อสร้างโดยทางเทศบาลตำบลราไวย์ ถูกต้องตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ตหรือไม่ โดยกรณีนี้เป็นการขออนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัย ไม่เข้าข่ายต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA แต่เนื่องจากจังหวัดภูเก็ต เป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลราไวย์จะต้องนำประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาบังคับใช้ด้วย เนื่องจากพื้นที่ก่อสร้างอยู่ติดบริเวณทะเล
โดยตามประกาศกระทรวงทรัพย์ฯ ได้กำหนดระยะถอยร่นไว้ทั้งหมด 9 ระยะ ในส่วนของการก่อสร้างบ้านหรูดังกล่าว ทางเทศบาลและเจ้าของโครงการระบุว่าพื้นที่บางส่วนอยู่ในระยะถอยร่นที่ 1 (ห่างจากจุดที่น้ำทะเลท่วมถึงสูงสุด 20 เมตร สร้างอาคารสูงได้ 6 เมตร ) แต่ที่ก่อสร้างตัวบ้านหรูอยู่ในระยะถอยร่นที่ 2 คือ ห่างจากน้ำทะเลท่วมถึงสูงสุด 50 เมตร สามารถก่อสร้างอาคารสูงได้ 12 เมตร หรืออาคารประมาณ 3 ชั้น
“ได้ให้เจ้าหน้าที่ใช้เครื่อง GPS ทำการตรวจวัดค่าพิกัดพื้นที่ว่าอยู่ในระยะที่ 1 หรือที่ 2 หากพื้นที่อยู่ในระยะถอยร่นที่ 1 คิดว่าความสูงของอาคารที่สร้างน่าจะเกิน 6 เมตร ซึ่งเรื่องนี้จะต้องทำการตรวจสอบให้ชัดเจนว่าอยู่ในระยะถอยรุ่นระยะที่ 1 หรือ ระยะที่ 2 หลังจากได้ค่าพิกัดที่ดินเรียบร้อยแล้วจะเสนอไปยังเทศบาลราไวย์ เพื่อดำเนินการต่อไป แต่ในเบื้องต้นไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าอยู่ในระยะใด” นายเกษม กล่าวในที่สุด
ขณะที่ นายธนกัญจน์ ธโนปจัยรัตน์ นายช่างรังวัดชำนาญงาน สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น เกี่ยวกับตำแหน่งที่ดิน ว่าตรงกับเอกสารสิทธิหรือไม่ ในเบื้องต้นเห็นว่าน่าจะตรงกัน โดยที่ดินดังกล่าวออกโฉนดเมื่อปี 2553 เนื้อที่ 30 ไร่ 3 งาน 59.1 ตรว.หลังจากนั้นได้แบ่งแยกที่ดินออกเป็น 4 โฉนดและยังเหลืออีก 1 โฉนดที่ยังไม่ได้ออก แปลงที่ทำการก่อสร้างโฉนดเลขที่ 113311 หมู่ 1 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 5 ตรว.โดยเจ้าของที่ดินได้ซื้อต่อมาจากเจ้าของที่ดินเดิม เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2559 ที่ผ่านมา
ด้าน นายอนันต์ จันทมาศ ตัวแทนเจ้าของบ้านหรู กล่าวยอมรับว่า ได้มีการก่อสร้างเกินจากส่วนที่ได้ยื่นขออนุญาตจากเทศบาลตำบลราไวย์ ในส่วนของลานจอดรถ ซึ่งคิดว่าไม่ต้องขออนุญาต เพราะมองว่าไม่ได้เป็นอาคาร รวมถึงการก่อสร้างลานโล่งๆ ที่บริเวณชั้นล่างของบ้าน จะทำการรื้อถอนสิ่งที่เกินมาทั้งหมด หลังจากที่ได้รับหนังสือจากเทศบาลราไวย์ รวมไปถึงระยะถอยร่นจากบริเวณทางสาธารณะที่ได้มีการปรับลดความสูงของอาคารจาก 3 ชั้นเป็น 2 ชั้นแล้ว
สำหรับบ้านหรูดังกล่าวนั้น นายอนันต์ กล่าวว่า เจ้าของซึ่งเป็นคนกรุงเทพฯต้องการสร้างเพื่อให้เป็นบ้านพักตากอากาศสำหรับครอบครัวและเพื่อนๆ มีทั้งหมด 4 หลัง หลังละ 2 ห้องนอน เป็นพูลวิลล่า 2 หลัง ตามกำหนดจะก่อสร้างให้แล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2561 ใช้เงินลงทุนก่อสร้างไม่รวมตกแต่งและที่ดินทั้งหมด 20 ล้านบาท