3 ผู้สมัคร ชิงตำแหน่งนายกอบจ.ภูเก็ต ร่วม “ดีเบต” เพื่อโชว์วิสัยทัศน์ก่อนเลือกตั้งโค้งสุดท้าย
3 ผู้สมัคร ชิงตำแหน่งนายกอบจ.ภูเก็ต
ร่วม “ดีเบต” เพื่อโชว์วิสัยทัศน์ก่อนเลือกตั้งโค้งสุดท้าย
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.63 เวลา18.00 น. ณ สนามชัย (ตรงข้ามศาลากลางจังหวัดภูเก็ต) โดยมี บริษัทแอร์โรมีเดีย ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ ร่วมกับภาคีเครือข่ายหลายองค์กรจากภาคเอกชน ได้จัดเวทีดีเบตเพื่อประชันวิสัยทัศน์ของผู้สมัครเลือกนายกอบจ.ภูเก็ต โดยมีจุดประสงค์หลักๆ 2 ข้อ คือ 1. อยากจะให้ผู้สมัครเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต(อบจ.ภูเก็ต) โชว์วิสัยทัศน์ของผู้สมัครเลือกและแนะนำตัวให้กับประชาชน เพื่อให้พี่น้องชาวภูเก็ต รับทราบความเป็นไปของผู้สมัครเลือกตั้งนายกอบจ.ภูเก็ต ในแต่ละท่านให้กับประชาชน ส่วนประเด็นที่สอง อยากจะเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ต และ รณรงค์ให้พี่น้องประชาชนชาวภูเก็ตได้ออกมาเลือกตั้งเยอะๆ เนื่องจากเราห่างหายจากการเลือกตั้งมานาน10 ปีแล้ว ซึ่งในการจัดเวทีดีเบตครั้งนี้ มีผู้สมัครเลือกนายกอบจ.ภูเก็ต เข้าร่วมนำเสนอวิสัยทัศน์ จำนวน 3 คน จากผู้สมัคร ทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วย นายเรวัต อารีรอบ “ทีมภูเก็ตหยัดได้” ผู้สมัครหมายเลข 2, นายทรงศักดิ์ สวนอักษร “ทีมปุ้นเต๋” หมายเลข 4 และ นายปัญญา ไกรทัศน์ ผู้สมัครหมายเลข 5 ส่วนอีก 2 หมายเลขที่ขอถอนตัวเนื่องจากติดภารกิจและไม่ได้เข้าร่วมเวทีดีเบต ได้แก่ นายจิรายุส ทรงยศ ผู้สมัครหมายเลข 1 “กลุ่มคนบ้านเรา” และ นายสรวุฒิ ปาลิมาพันธ์ ผู้สมัครหมายเลข 3 “คณะก้าวหน้าภูเก็ต” ทั้งนี้ มีประชาชนชาวภูเก็ตและผู้สนับสนุน มาร่วมรับฟังและให้กำลังใจกับผู้สมัครเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ การเปิดเวทีดีเบตครั้งนี้ ผู้สมัครนายกอบจ.ภูเก็ต ที่เข้าร่วมได้แสดงวิสัยทัศน์การตอบคำถามจากพิธีกรในประเด็นแนวทางการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากโควิด-19, แนวทางการฟื้นฟูการท่องเที่ยวให้กลับมาโดยเร็ว, นโยบายการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว, การพัฒนาศักยภาพเยาวชนภูเก็ตให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลก, และการแก้ปัญหาการจราจรติดขัด ปัญหาการบริการรถสาธารณะที่มีราคาแพง และปิดท้ายด้วยการให้แต่ละคนสรุปว่า ทำไมต้องเลือกเขาเป็นนายก อบจ.ภูเก็ต โดยแต่ละท่านต่างก็เน้นย้ำให้ทุกคนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 20 ธันวาคมนี้
ทางด้าน นายเรวัต อารีรอบ ผู้สมัครหมายเลข 3 ได้กล่าวเป็นคนแรก และพูดถึงเหตุผลของการลงสมัคร ในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง ส.ส.ภูเก็ต ได้มีการผลักดันงบประมาณในการจัดทำโครงการต่างๆ ให้กับจังหวัดภูเก็ตมาอย่างต่อเนื่อง และมีการพัฒนาทางด้านการศึกษา และที่ผ่านมาก็ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการทำงานใน ตำแหน่งผู้ช่วยเลขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ตนได้ลงพื้นที่และพบเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนภูเก็ตเป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจที่จะลงสมัครนายกอบจ.ภูเก็ต เพื่อที่จะได้นำประสบการณ์และความรู้ต่างๆ รวมถึงสายสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งในระดับประเทศและในพื้นที่เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนภูเก็ต อาทิเช่น เรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน , การพัฒนาด้านการท่องเที่ยว และ ระบบการศึกษา ฯลฯ เป็นต้น โดยได้มีการวางแผนการทำงานแบ่งเป็น 3 ระยะ เริ่มจาก “ระยะเร่งด่วน, ระยะกลาง, และระยะยาว” ซึ่งเป็นนโยบายที่สามารถทำได้จริงและทำทันที หลังจากได้รับการเลือกตั้งครั้งนี้ และมองว่า การเลือกตั้งนายก อบจ.ภูเก็ต ในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ จึงมีความสำคัญมาก อย่ามองแค่ความเป็นเพื่อนเป็นญาติหรือพี่-น้อง แต่จะต้องมองถึงอนาคตด้วยว่า ภูเก็ตจะเป็นอย่างไร “ตนเองในนามทีมภูเก็ตหยัดได้” พร้อมที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้ และนำพาพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ตฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน จากนั้นสรุปทิ้งท้าย “ทีมภูเก็ตหยัดได้” พร้อมทำงานและ ในการเลือกตั้งวันที่ 20 ธันวาคมที่จะถึงนี้ จึงอยากให้พี่น้องประชาชนชาวภูเก็ตออกมาใช้สิทธิ์และตัดสินใจดีๆ เลือกแล้วพลาดแล้วพลาดเลย จะทำอย่างไรให้ภูเก็ตเดินหน้าต่อไป
ต่อด้วย นายปัญญา ไกรทัศน์ ผู้สมัคร หมายเลข 5 กล่าวถึง ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา โดยเฉพาะการลงพื้นที่และได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ซึ่งเป็นปัญหาค่อนข้างหนักมาก โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อจังหวัดภูเก็ตครั้งใหญ่ จึงตัดสินใจมาลงสมัคร โดยมีเป้าหมายในการนำพาจังหวัดภูเก็ตให้รอดพ้นจากวิกฤติไปให้ได้ จากนั้นสรุปทิ้งท้าย ในเจตนารมณ์เพื่อแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน เพื่อให้ประชาชนได้มีกองทุน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาหนี้สิน, การจัดระบบการศึกษาเน้นการเรียนแบบสายอาชีพ , การจัดกิจกรรมส่งเสริมกระตุ้นการท่องเที่ยว จัดไทยเที่ยวภูเก็ต และ จัดกีฬาชายหาดนานาชาติ , รวมถึงการสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อเป็นศูนย์กลางถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลก และ การสร้างเวทีมวยไทยระดับโลก พร้อมยืนยันว่าด้วยประสบการณ์ที่จะสามารถนำพาภูเก็ตให้ผ่านวิกฤตินี้ไปได้อย่างแน่นอน
ปิดท้ายด้วย นายทรงศักดิ์ สวนอักษร ผู้สมัครหมายเลข 4 “ทีมปุ้นเต๋” ได้กล่าวว่า เนื่องจาก เป็นผู้สมัครหน้าใหม่เป็นคนราไวย์ และได้ตั้ง “ทีมภูเก็ตปุ้นเต๋” โดยจะพัฒนาและสร้างความเจริญให้กับโรงเรียนในสังกัดในอบจ.ภูเก็ตก่อนจะขยายไปที่อื่น และวางแนวทางในการพัฒนาว่าจะต้องเป็นนโยบายที่มาจากทุกคน 1สิทธิ์ 1 เสียงเท่ากัน การทำงานในทีม เป็นอิสระ เป็นการดึงแนวคิดจากรากไปสู่ยอด โดยจะเน้นการทำงานแบบมีส่วนร่วมในทุกๆด้าน จากนั้นสรุปทิ้งท้าย ด้วยแนวคิดที่จะเพิ่มศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยติดเตียง ขยายศูนย์ฟอกไต ด้วยการพัฒนา รพ.อบจ. ให้เป็น One Stop Service ให้มีศักยภาพให้มากกว่าที่เป็นอยู่ และการออกแบบเมืองให้มีความเหมาะสม สิ่งสำคัญ คือ การให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนในการพัฒนาในด้านต่างๆ เช่น การจราจร การใช้รถไฟฟ้าใต้ดินเส้นทางจาก สถานีขนส่งใหม่- วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต เป็นต้น ซึ่งแนวคิดมาจากทุกคน และถอดบทเรียนที่ผ่านมา สำคัญว่าพวกเราจะสู้ไปด้วยกัน เราต้องเดินไปพร้อมๆกันเพื่อให้ภูเก็ตพ้นวิกฤติต่อไป