คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยววุฒิสภา จัดสัมมนา “พัฒนาศักยภาพ 6 จังหวัด ภาคใต้ฝั่งอันดามัน จุดหมายท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลก“ มุ่งสร้างรายได้สู่เป้าหมาย 5 แสนล้านบาท!
คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยววุฒิสภา จัดสัมมนา “พัฒนาศักยภาพ 6 จังหวัด ภาคใต้ฝั่งอันดามัน จุดหมายท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลก“ มุ่งสร้างรายได้สู่เป้าหมาย 5 แสนล้านบาท!
วันที่ 8 ก.พ.2567 เวลา 09.00 น.ณ โรงแรม เดอะ พาโก้ ดีไซน์ จังหวัดภูเก็ต คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว วุฒิสภา จัดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “การส่งเสริมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันและชุมชนสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเล” โดยมี พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ประธานคณะกรรมาธิการฯ เป็นประธานเปิดการสัมมนา, พลเอกบุญธรรม โอริส รองเลขานุการคณะกรรมาธิการ กล่าวรายงาน พร้อมด้วยสมาชิกวุฒิสภา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
โดยงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการดังกล่าว ประกอบด้วย วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ คุณสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, คุณณัฏฐิรา แพงคุณ รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายกรวุฒิ บรรยงวรพินิจ ผู้อำนวยการกองพัฒนาและส่งเสริมการบริหารงานท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น, นายวัฒนา โชคสุวณิช ประธานสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจเรือสำราญไทย และคุณวิรินทร์ตรา ปภากิจยศพัฒน์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และผู้เข้าร่วมระดมความคิดเชิงยุทธศาสตร์ จากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และระดับท้องถิ่นอีก 200 คน เพื่อนำเสนอแนวทางการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมให้กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลก เพิ่มศักยภาพขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก และสร้างรายได้แก่ประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ทางด้าน พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ความสำคัญของการจัดงานครั้งนี้ว่า เป็นการระดมความคิดของภาครัฐ เอกชน และชุมชน ที่จะผลักดันให้6จังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ จังหวัดกระบี่, จังหวัดพังงา, จังหวัดภูเก็ต, จังหวัดระนอง, จังหวัดตรัง และจังหวัดสตูล ให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวสำราญทางทะเล และเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของการท่องเที่ยวระดับโลก เพื่อเพิ่มสัดส่วนของนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง ทำให้เกิดการพัฒนาธุรกิจด้านการท่องเที่ยวให้มีมูลค่าสูงเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายสร้างรายได้ให้ประเทศมากกว่า 500,000 ล้านบาทต่อปี
.
นอกจากนี้ ได้กำหนดอัตราการขยายตัวของรายได้การท่องเที่ยวสำราญทางน้ำในปี 2576-2580 ขยายตัวเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ต่อปี และจำนวนท่าเรือท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นในปี 2576-2580 เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 8 เท่า ทั้งนี้ การท่องเที่ยวสำราญทางน้ำถือว่ามีความโดดเด่น โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวประเภทเกาะ ชายหาด ปะการังใต้ท้องทะเล ที่เป็นจุดสำคัญ ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมเยียน ดังนั้น การเดินทางท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน จึงเป็นการเดินทางทางน้ำเป็นหลัก ทั้งเส้นทางจากจังหวัดภูเก็ตสู่เกาะเฮ, เกาะราชา และเกาะนาคา เส้นทางจากจังหวัดพังงาสู่หมู่เกาะสุรินทร์ และหมู่เกาะสิมิลัน เส้นทางจากจังหวัดสตูลสู่เกาะตะรุเตา ซึ่งเส้นทางนี้ยังสามารถเดินทางต่อไปท่องเที่ยวยังเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ได้อีกด้วย
ส่วนบางเส้นทางนอกจากจะเดินทางภายในจังหวัดแล้ว ยังสามารถเชื่อมโยงการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างจังหวัดได้ คือ จากจังหวัดภูเก็ตสู่หมู่เกาะพีพีและเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ขณะเดียวกันจังหวัดภูเก็ต ก็มีศักยภาพในการเชื่อมโยงการเดินทางทางเรือ ต่อไปยังสาธารณรัฐอินเดีย, สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา และประเทศภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งจะร่นระยะในการเดินทางได้ประมาณ 500 ไมล์ (เป็นการเปรียบเทียบระยะทางการเดินเรือสำราญจากสาธารณรัฐสิงคโปร์ที่แวะพัก ณ จังหวัดภูเก็ต) จากศักยภาพของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำที่สวยงาม และมีกิจกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ คือ การปรับปรุงและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง อาทิ ท่าเรือให้มีมาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็นท่าเรือเดิมที่มีอยู่ หรือการสร้างขึ้นใหม่สำหรับรองรับจำนวนเรือแต่ละประเภทที่จะเข้ามาอย่างเพียงพอ และเหมาะสมต่อการเดินทางเข้ามาใช้บริการของนักท่องเที่ยว การปรับปรุงและพัฒนาท่าอากาศยานเดิม เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางได้โดยสะดวก คณะกรรมาธิการจึงกำหนดให้มีการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เพื่อระดมความคิดเห็น รวบรวมข้อมูลนำเสนอไปยังรัฐบาล เพื่อพิจารณาประกอบการกำหนดนโยบายยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน สนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยต่อไป
.
#phuketprice
#phuketmeedee
#จังหวัดภูเก็ต
#คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยววุฒิสภา
#6จังหวัดอันดามันภาคใต้
