รัฐมนตรีท่องเที่ยวลงภูเก็ตติดตามความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุเรือล่ม ระบุรัฐบาลจีนต้องการให้ค้นหาผู้สูญหายโดยเร็วที่สุด
รัฐมนตรีท่องเที่ยวลงภูเก็ตติดตามความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุเรือล่ม ระบุรัฐบาลจีนต้องการให้ค้นหาผู้สูญหายโดยเร็วที่สุด ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้ส่งมอบความปรารถนาดีมาให้ทุกคน
เมื่อวันที่ 6 ก.ค.61 เวลา 18.30 น. ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่ม จังหวัดภูเก็ต ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะ เดินทางมาติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวซึ่งประสบเหตุเรือฟินิกซ์ล่มที่บริเวณเกาะเฮ และ มีผู้สูญหายจำนวนหนึ่ง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา
โดยมี นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, พล.ร.ต.เจริญพล คุ้มราษี รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับพร้อมบรรยายความคืบหน้าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ จึงได้สรุปผลดำเนินงานหลังเกิดเหตุได้มีการบูรณาการความร่วมมือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งทัพเรือภาคที่ 3,กองทัพภาคที่ 4, ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต, ตำรวจน้ำ, ตำรวจท่องเที่ยว, ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงหน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ออกทำการระดมค้นหาทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน
จนกระทั้งถึงเวลา 18.00 น. วันที่ 6 ก.ค.61 จากผู้สูญหาย จำนวน 56 คน ขณะนี้พบแล้ว 33 ราย ในจำนวนดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต จำนวน 32 ราย และมีผู้ รอดชีวิต จำนวน 1 ราย คงเหลือนักท่องเที่ยวที่สูญหาย จำนวน 23 ราย และต้องยุติการค้นหาด้วยการดำน้ำชั่วคราว เนื่องจากเป็นเวลาค่ำและระดับน้ำลึกทำให้การค้นหาลำบาก ทั้งนี้อาจจะมีการปรับแผนและทำการลากเรือฟินิกซ์ พร้อมกับค้นหาผู้สูญหายที่เหลืออีกด้วย
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวภายหลัง รับฟังบรรยายสรุปว่า ได้ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากทราบเรื่องมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเหตุการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้นนั้นถูกจับตาจากทั่วโลก และเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ทำอย่างไรที่จะมีการดูแลภายหลังเกิดเหตุ รวมทั้งจะได้รับทราบข้อมูลเพื่อนำไปสื่อสารในภาษาต่างๆให้เป็นที่รับรู้อย่างเป็นทางการต่อไป
ขณะเดียวกันตนยังได้รับรายงานว่า ประธานธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ออกแถลงการณ์ 2 ข้อ คือ ข้อแรก ขอให้ทางการไทยได้ค้นหาผู้ประสบเหตุให้ได้อย่างดีที่สุด และข้อที่สอง ขอให้ช่วยดูแลผู้ที่รอดชีวิตหรือค้นพบจากที่เกิดเหตุให้ดีที่สุด ซึ่งในประการที่สองนั้นได้มีการดำเนินการอยู่แล้ว โดยได้มีการตรวจสอบในเรื่องของระบบประกันภัยต่างๆ
นายวีระศักดิ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า ขอขอบคุณภาคเอกชนและเรือประมงที่อยู่ใกล้เคียง ตลอดจนทัพเรือภาคที่ 3 และภาคส่วนต่างๆ ที่เข้าไปทำการช่วยเหลือดูแล เนื่องจากในช่วงเกิดเหตุถือว่าคลื่นค่อนข้างสูงมาก จากรายงานที่ได้รับพบว่าในบางช่วงคลื่นสูงถึง 5 เมตร ดังนั้น ถือว่าภัยพิบัติที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงมาก และจากเหตุการณ์กระจกของอาคารศูนย์แห่งนี้ ถูกลมพัดจนกระจกแตกกระจาย เพื่อเป็นการยืนยันให้เห็นว่าเหตุการณ์ไม่ปกติ ส่วนการค้นหานั้นหากทางทัพเรือฯ ยังสามารถส่งเจ้าหน้าที่ฯ ออกไปตระเวนค้นหากันต่อไปก็จะเป็นประโยชน์ ซึ่งจะทำให้ความหวังที่จะเจอใครก็ยังมีต่อไป
สำหรับ การลงมาที่ภูเก็ตนั้นได้มีการรายงานให้ท่านนายกรัฐมนตรีทราบ และได้มอบหมายให้เป็นผู้แทนในการร่วมติดตามสถานการณ์ในครั้งนี้ พร้อมส่งความปรารถนาดี ตลอดจนกำลังใจให้กับทุกฝ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ และการดูแลนักท่องเที่ยวที่ประสบภัยให้ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ส่วนผู้ที่สูญเสียไปแล้วก็ต้องช่วยกันพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ซึ่งจะทำให้ญาติพี่น้องที่อยู่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในประเทศจีน ซึ่งขณะนี้มีการไถ่ถามกันมาค่อนข้างมากว่า มีผู้ใดประสบเหตุบ้างซึ่งต้องรีบดำเนินการในส่วนของข้อมูลต่อไป
ส่วนอีกเรื่อง คือ การอำนวยความสะดวกให้กับญาติที่จะเดินทางเข้ามาหา ซึ่งได้มีการร่วมมือกับภาคเอกชนในการอำนวยความสะดวกทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง ให้เตรียมความพร้อมรับผู้ที่จะเดินทางมาติดตามหาญาติจากเหตุการณ์ดังกล่าว และจากข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า ผู้ประสบเหตุในครั้งนี้มีจำนวนมากที่เดินทางมากันเอง ไม่ได้มาเป็นคณะทัวร์ ดังนั้นกระบวนการติดตามตรวจหาอาจจะไม่พบรายชื่อเป็นกลุ่มๆ แต่จะพบเป็นรายๆไปจึงทำให้ภารกิจในครั้งนี้ท้าทายพอสมควร
นอกจากนี้ ในคืนวันที่ 6 ก.ค.61 เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ซึ่งขณะเกิดเหตุประชุมอยู่ที่ปักกิ่งก็จะเดินทางมาติดตามสถานการณ์ที่จังหวัดภูเก็ต และทราบว่าจะมีสื่อมวลชนของจีนติดตามมาด้วย ซึ่งคงเป็นสาระสำคัญอย่างยิ่ง และคงจะมีการสอบถามว่า ทางเราได้ดำเนินการอะไรไปบ้าง และจากที่ได้รับฟังรายงานจากผู้ว่าฯ ภูเก็ตแล้วคิดว่าเรามีคำอธิบายที่สามารถทำให้โลกเข้าใจได้ และรัฐบาลจะสนับสนุนเต็มที่ในการค้นหาและกู้ภัย ตลอดจนดูแลผู้ประสบภัย
ด้วยเหตุ ที่ว่าผู้ประสบภัยทั้งหมดส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นผู้ที่มากับกรุ๊ปทัวร์ สิ่งที่พบ คือเขาไม่มีโทรศัพท์มือถือแล้ว ดังนั้นจะมีผล 2 ประการ คือ ไม่สามารถติดต่อกับทางบ้านของเขาได้ และคนจีนส่วนใหญ่จะใช้เงินสดน้อยแต่จะใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ จึงทำให้ไม่มีเงินใช้ ซึ่งตนได้ให้ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประสานกับบริษัทมือถือได้เข้ามาช่วยบริการให้กับนักท่องเที่ยวที่ประสบภัย ที่รอดชีวิตมา เพื่อให้ติดต่อกับญาติได้ฟรี รวมทั้งอาจจะมีระบบอื่นๆ ตามมาภายหลัง เพื่อสร้างความประทับใจในการดูแลของทางการไทย ขณะเดียวกันยังมีการระดมล่ามเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการสื่อสารกับแพทย์หรือพยาบาลหรือผู้ที่มาเยี่ยมในครั้งนี้