สุดทนร้องจังหวัดหาเจ้าภาพ แก้ปัญหาใช้ทะเลเป็นถังขยะ

       ชาวประมงพื้นบ้าน และราษฎรในพื้นที่ชุมชนคลองท่าจีน ตำบลรัษฎา สุดทนกับสิ่งแวดล้อมเน่าเสีย ในคลองท่าจีนเต็มไปด้วยขยะสารพัดชนิดจนแน่นคลอง เวลาน้ำทะเลหนุนพัดพาเข้าไปอัดแน่นตรงป่าชายเลน ยามน้ำทะเลลด ก็พาไหลลงทะเล เข้ายื่นหนังสือร้องศูนย์ดำรงธรรมหาจ้าภาพรับผิดชอบ ว่าไปร้องหลายหน่วยงานแล้ว ต่างปฏิเสธไม่อยู่ในความรับผิดชอบ ว่าคนขาดจิตสำนึก ใช้ทะเลเป็นถังขยะ ทิ้งทุกอย่างแม้แต่ “ขี้” จี้หน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหา ก่อนทำลายภาพลักษณ์ภูเก็ตย่อยยับ

        เมื่อเช้าวันที่ 29 สิงหาคม 2561 เวลา 09.00 น. นายสุชาติ ผลกิจ ผู้ประสานงานกลุ่มประมงพื้นบ้าน ต.รัษฎา ประธานชมรมเครือข่ายวิทยุอันดา พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ พรหมแก้ว ประธานกลุ่มประมงพื้นบ้านจังหวัดภูเก็ต และตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ ชุมชนบริเวณคลองท่าจีน ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม เพื่อร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาขยะในทะเลบริเวณคลองท่าจีน ต.รัษฎา ที่นับวันมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

        โดยมี พ.ต.อ.ธีระศักดิ์ ธรรมสถิต ผู้กำกับการสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ทำหน้าที่รับหนังสือร้องเรียน พร้อมกับกล่าวว่า จะนำเรื่องนี้ แจ้งให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตรับทราบ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรมต่อไป

        นายสุชาติ ผลกิจ ผู้ประสานงานกลุ่มประมงพื้นบ้าน ต.รัษฎา ประธานชมรมเครือข่ายวิทยุอันดา กล่าวว่า ปัจจุบันในคลองท่าจีนมีขยะจำนวนมาก จนจะแน่นคลองอยู่แล้ว และได้ทะลักเข้าไปจนถึงแนวป่าชายเลนด้านบน รวมทั้งไหลออกทะเล จนทำให้ขยะเกลื่อนทะเล ซึ่งพบว่ามีมากเป็นหลายตัน ที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีการจัดกิจกรรมเก็บขยะในทะเลมาอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาขยะก็ไม่ได้ลดลง นับวันมีปริมาณขยะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

         จากการสอบถามไปยังหน่วยงานราชการ ไม่ว่าจะเป็นเทศบาล ทรัพยากรธรรมชาติ เจ้าท่า ประมง และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่างก็บอกว่าขยะในทะเลไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบ จึงเดินทางมายื่นหนังสือเพื่อให้จังหวัดดำเนินการหาเจ้าภาพมารับผิดชอบ และแก้ไขปัญหาขยะในทะเลที่บริเวณคลองท่าจีนโดยเร็วที่สุด เพราะถ้าปล่อยไว้จะสร้างความเสียหายให้กับจังหวัดภูเก็ตในทุกด้าน ทั้งเรื่องภาพลักษณ์การท่องเที่ยว การประกอบอาชีพการทำประมง

        ทุกวันนี้คนในชุมชนบางคน เรือประมงบางลำ ทั้งเรือพาณิชย์ และเรือพื้นบ้าน แรงงาต่างด้าว ต่างมองว่าทะเลเป็นถังขยะ จึงได้นำขยะทุกอย่างมาทิ้งลงทะเล แม้แต่ขยะในบ้านเองก็ยังนำเอามาทิ้งในทะเล รวมทั้งการขับถ่ายสิ่งปฏิกูล ทุกวันนี้ยังเห็นแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในเรือประมงขับถ่ายลงทะเลโดยไม่มีความละอาย ขาดจิตสำนึกในการรักษาความสะอาด ทำให้ขยะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นทุกวันจนจะล้นคลอง และถูกน้ำพาทะลักออกไปในทะเล

        นายสุชาติ กล่าวอีกว่า เมื่อทุกคนเห็นทะเลเป็นถังขยะ การจัดเก็บขยะที่ทำกันอยู่ตามเทศกาลต่างๆ หรือวันสำคัญต่างๆ จึงเป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้น แต่ให้มีการเก็บขยะกันอย่างไรก็ไม่มีวันหมด ถ้ายังไม่มีการแก้ไขที่ตัวต้นเหตุ จึงอยากให้มีเจ้าภาพที่เข้ามาดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง รวมทั้งคนในชุมชน เจ้าของเรือประมง ก็จะต้องสร้างจิตสำนึกให้ทิ้งขยะให้เป็นที่ ทิ้งลงถัง ขยะในเรือประมงก็ควรที่จะนำกลับมาทิ้งบนบก อย่ามองว่าทะเลเป็นถังขยะ

        จะอย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ บริเวณท่าเทียบเรือองค์การสะพานปลา หมู่ที่ 1 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายนรภัทร ปลอดทอง  ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความ ดีด้วยหัวใจ” กิจกรรม Big Cleaning Day แก้ไขปัญหาขยะในคลองท่าจีน ภายใต้โครงการหน้าบ้านน่ามอง ปีงบประมาณ 2561 โดยมี พล.ร.ต.กุณฑียะ ผู้ทรงคุณวุฒิ ทัพเรือภาคที่ 3, นายศักดิ์ชัย คุณานุวัฒน์ชัยเดช ปลัดจังหวัดภูเก็ต, ว่าที่ ร.ต.วิกรม จากที่  นายอำเภอเมืองภูเก็ต, นายกรกฎ เภรีภาส หัวหน้าท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต (องค์การสะพานปลาภูเก็ต), นายนครินทร์ ยอแสงรัตน์  ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีตำบลรัษฎา,  นายภีระพงศ์ พิสิฐคุณานนท์ ประธานสภาเทศบาลตำบลรัษฎา พร้อมด้วย สมาชิกสภาเทศบาลฯ, เครือข่ายจิตอาสา, เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล, เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลรัษฎา, และประชาชนจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 130 คน ทั้งนี้ได้แบ่งเป็นการเก็บขยะภายในคลองท่าจีน ซึ่งถือเป็นลำคลองที่สำคัญเนื่องจากในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาลงเรือตามท่าเรือต่างๆ เป็นจำนวนมาก และบริเวณหน้าท่าเทียบเรือองค์การสะพานปลา

        สำหรับการจัดกิจกรรมดังกล่าว เป็นการรณรงค์สร้างจิตสำนึกของประชาชนให้รู้ถึงคุณค่าของความสะอาดของสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่ต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พร้อมส่งเสริมการสร้างภาพลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ตให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความสะอาด  สวยงาม และเป็นวาระที่ทุกหน่วยงานและทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น