พรรคสร้างอนาคตไทยบุกอันดามัน ปลุกคนใต้เปลี่ยนเพื่ออนาคต
พรรคสร้างอนาคตไทยบุกอันดามัน
ปลุกคนใต้เปลี่ยนเพื่ออนาคต
ภูเก็ต…”สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” นำทีมสร้างอนาคตไทยบุกอันดามัน ปลุกคนใต้เปลี่ยนเพื่ออนาคต พร้อมนำเสนอ 3 เสาเชื่อมโยงการพัฒนากลุ่มอันดามัน เพื่อความยั่งยืน ขณะที่หัวพรรคยืนยันพร้อมรับทุกข้อเสนอปรับให้ตอบโจทย์ความต้องการ หลายเรื่องเป็นนโยบายของพรรคที่พร้อมลงมือทำอยู่แล้ว
วันที่ 15 ก.ย.65 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย นำคณะผู้บริหารพรรคสร้างอนาคตไทย อาทิ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคฯ, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคฯ, นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค และประธานภาคใต้, นายสุพล ฟองงาม รองหัวหน้าพรรค และประธานภาคอีสาน, นายวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้าพรรค และผู้อำนวยการพรรคฯ,นายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรค และประธานฝ่ายนโยบาย, นายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรค และประธานภาคกลาง ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พบปะประชาชนนักธุรกิจอันดามัน และกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานสัมมนา “อันดามันรอด ประเทศไทยรุ่ง” โดยผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน อดีตนักการเมืองท้องถิ่น และผู้ให้การสนับสนุนเข้าร่วมประมาณ 400 คน
โดยนายนิพิฏฐ์ กล่าวก่อนการสัมมนาว่า ตนรู้ว่าในใจของประชาชนไม่รักนักการเมือง เริ่มรังเกียจ ปฏิเสธ ไม่อยากเข้าใกล้มนุษย์ที่เรียกว่านักการเมือง เพราะคิดว่าเชื่อไม่ได้ แต่กรุณาให้พรรคสร้างอนาคตไทยมาอยู่ที่นี่ ดังนั้นในวันนี้ถ้าท่านรักประชาธิปัตย์ ตนไม่เชิญให้ไปเกลียดพรรคประชาธิปัตย์ ไม่หันหลังให้พรรคพลังประชารัฐ ไม่เชิญชวนให้เกลียดใคร แต่เชิญชวนให้มารักกัน ถ้าคิดว่าอนาคตไม่มีความมั่นคง จึงขอชวนมาสร้างอนาคตไทยไปด้วยกันกับ ดร.สมคิด ซึ่งมีความมุ่งหวังกับจังหวัดอันดามันเป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นเครื่องจักรและฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาประเทศ จึงขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมกันสร้างและร่วมเปลี่ยนอนาคตไปกับพรรคสร้างอนาคตไทย เพราะหากนึกถึงหัวหน้าพรรคที่มีทีมเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหน คงต้องใช้เวลาหลายวันจึงจะนึกออกว่าคือใคร บางพรรคอาจต้องใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนถึงจะนึกออก แต่หากเป็นพรรคสร้างอนาคตไทย จะนึกได้ทันที นั่นคือ ดร.สมคิด ที่มีทีมงานทั้งดร.อุตตม และนายสนธิรัตน์ เพราะวันนี้อันดามันมีความล่อแหลมมาก อาจจะมีสงครามหรือสถานการณ์โควิดที่ยืดเยื้อ ซึ่งอันดามันจะอยู่อย่างนี้ไม่ได้
ขณะที่วงเสวนา “อันดามันรอด ประเทศไทยรุ่ง” ซึ่งมีนายแพทย์บัญชา ค้าของ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และที่ปรึกษาพิเศษนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต, นายสมยศ ปาทาน ประธานวิสาหากิจชุมชนท่องเที่ยวย่านเมืองเก่าภูเก็ต, นายเพิ่มเกียรติ เกษกุล นายกสมาคมการศึกษาเอกชนภูเก็ต, นายพงศกร เกตุประภากร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดพังงา และนายสรรเพ็ชญ ศรีสวัสดิ์ อุปนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ และผู้ช่วยประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอแนวนโยบายที่ต้องการให้พรรคสร้างอนาคตไทยขับเคลื่อนเพื่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในพื้นที่อันดามัน เช่น การผลักดันโครงการ Andaman wellness corridor หรือ การสร้างการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การผลักดันขับเคลื่อนการศึกษาให้เป็น Education hub การส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน โดยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงการท่องเที่ยวชุมชน เช่น โครงการมารีน่าชุมชน เพราะปัจจุบันนักท่องเที่ยวไม่ได้สนใจแค่การท่องเที่ยวกระแสหลัก แต่ยังสนใจเรื่องการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเพิ่มขึ้น การแก้กฎหมาย และกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจท่องเที่ยว เช่น โฮมสเตย์โรงแรมขนาดเล็กที่ไม่เข้ามาตรฐานให้สามารถประกอบอาชีพต่อไปได้ การพัฒนาบุคลากร และแพลตฟอร์มการท่องเที่ยว เพราะที่ผ่านมาพึ่งพาแพลตฟอร์มของต่างประเทศ สูญเสียเม็ดเงินปีละ 7-8 พันล้านบาท
ด้านนายอุตตม กล่าวว่า การเสวนาครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พรรคจัดขึ้น และเลือกจัดในพื้นที่อันดามันเป็นพื้นที่แรก ด้วยให้ความสำคัญกับพื้นที่ภาคใต้ที่ถือเป็นพื้นที่หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และต่อไปจะมีการเดินสายจัดเสวนาในลักษณะนี้ทั่วประเทศเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน และภาคธุรกิจ ทั่วประเทศ เพื่อนำมาตกผลึกเป็นนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชนทุกพื้นที่ ซึ่งข้อเสนอแนะจากภาคธุรกิจในวันนี้ พรรคเห็นด้วย 100 เปอร์เซ็นต์ และตอบรับจะจัดทำเป็นนโยบายของพรรคต่อไป
อย่างไรก็ตามนายอุตตม กล่าวว่า เรื่องเร่งด่วนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ พรรคสร้างอนาคตไทยมอง 3 เรื่อง สำคัญ คือ 1.ต้องหยุดเลือดไหล เช่น ต้องแก้หนี้ พักหนี้ 7 ปี ไม่ใช่เพียงแค่ระยะสั้น 2-3 ปี 2.ให้ยา ซึ่งหมายถึงการจัดสรรเงินทุนผ่านกองทุนสร้างอนาคตไทย การตั้งคลินิกแก้หนี้ โดยใช้ระบบจ่ายคืนเงินต้นในรูปแบบหน้าต่ำ หลังสูง เพื่อให้ประชาชนชนและผู้ประกอบการ สามารถตั้งตัวได้ และ 3.เติมวิตามิน เสริมแกร่ง เพื่อสร้างรายได้และโอกาส โดยสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ไม่เกินร้อยละ 5 ระยะเวลาผ่อนชำระ 7 ปี ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้ระบบงบประมาณในการเพิ่มสภาพคล่องให้ธนาคารรัฐร่วมช่วยเหลือ และ รวมถึงจัดทำแอพพลิเคชั่นที่สร้างระบบเครดิตการค้า เพื่อเป็นเครดิตในการขอวงเงินหมุนเวียนเพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงธุรกิจ วงเงินเริ่มต้นตั้งแต่ 50,000 – 5 ล้านบาท รวมถึงการตั้งกองทุนสร้างอนาคตไทย เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ พร้อมทั้งกำหนดให้ภาครัฐต้องจัดซื้อจัดจ้างกับภาคธุรกิจเอสเอ็มอี เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็ก การปรับปรุงระบบใบอนุญาตให้มีความทันสมัย เชื่อมโยงระบบคมนาคม เพื่อเอื้อต่อการประกอบธุรกิจ เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบันสถานการณ์อยู่ในภาวะไม่ปกติ เป็นสถานการณ์วิกฤต ไม่สามารถใช้มาตรการเดิมๆ ในการแก้ไขปัญหาได้ แต่ต้องใช้มาตรการที่ออกแบบมาเพื่อใช้แก้ปัญหาในสถานการณ์วิกฤตโดยเฉพาะ
จากนั้นนายสมคิด ได้กล่าวปฐกถาตอนหนึ่งว่า ดีใจที่มีโอกาสมาที่นี่ เพราได้เห็นอนาคตอันดามัน เห็นผู้นำทางความคิดของอันดามัน อายุไม่มากที่มากก็มีบ้าง มาพูดคุยกันว่า ควรทำอะไรอันดามันถึงไปรอด นี่คือสิ่งที่ดีมาก ๆ ตนอยากให้ภาพการระดมความคิด และระดมสมองหาทางแก้ปัญหา ไม่ใช่แค่ภูเก็ตอันดามัน แต่ทั้งประเทศ เกือบ 15 ปีที่เราวนในอ่าง ทะเลาะเบาะแว้ง เลือกข้าง วันที่แบ่งฝ่ายเราไม่ว่ากัน แต่มันลากยาวเกินไปจนประเทศไปไม่ไหว คนรุ่นใหม่เกิดขึ้นมาอีกเยอะ เราจะยังวนอยู่ในอ่างทำไม ไม่มีประโยชน์ การระดมความคิดวันนี้มีแต่ความรักความสามัคคี ตนคิดว่าอันดามันมีความหวังแน่นอน ประเทศเรามีทุกอย่างพร้อมจริง ๆ ทั้งทรัพยากร ศิลปวัฒนธรรม เพียงแต่ไม่มีโอกาสใช้เต็มศักยภาพ เรามีการเมืองระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่ได้ใช้ให้เกิดผลเต็มที่ เราไม่ควรแบ่งข้าง คิดต่างได้แต่หาจุดลงตัว นั่นคือทางออก มันคือเหตุผลที่ตนกลับมา ไม่ได้กลับมาอยากมีตำแหน่ง มันมีครบถ้วนเพียงพอแล้ว แต่ดูแล้วบ้านเมืองลำบากจริงๆ ตนดีใจที่ได้เห็นวันนี้ ทั้งหมดที่รับฟังจากตัวแทนผู้ประกอบการที่เป็นคนรุ่นใหม่ เรามีภารกิจอยู่ 2 ข้อ 1.ขอให้มีการกอบกู้อันดามัน 2.ขอให้มีการสร้างอนาคตของอันดามัน แค่นี้เองที่เหลือเป็นรายละเอียดปลีกย่อย
นอกจากนั้นนายสมคิด กล่าวว่า จากที่ได้ฟังเสียงสะท้อนในการเสวนาครั้งนี้ ขอตั้งข้อสังเกต ประการแรก ดีใจที่เรียกอันดามันไม่ใช่ภูเก็ต เพราะอนาคตข้างหน้าทุกแห่งในโลกจะแข่งด้วยท่องเที่ยว เราต้องระดมจุดแข็งให้มีพลังได้อย่างไร เรามีไข่มุกเม็ดงามอยู่สามเม็ด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ หากร้อยไข่มุกเป็นสายสร้อยมุกจะได้สายสร้อยที่สวยงามมาก นำจุดเด่นของสามจังหวัดรวบรวมกันเข้ามาเป็นแพ็คเกจ ประสานงานร่วมมือกัน เป็นแพ็คเก็จส่งเสริมที่ยิ่งใหญ่และไม่มีใครเหมือน รวมทั้งสามารถเชื่อมโยงได้อีกสามเม็ด คือ ระนอง ตรัง และสตูล เชื่อมโยงท่องเที่ยวกับภาคเกษตร ภาคประชาชนและอีกจำนวนมาก ในอดีตอาจยังไม่มีความสมานฉันท์ วันนี้โอกาสดีแล้วที่จะสมานฉันท์ร่วมกัน ย้ำว่าการเชื่อมโยงสำคัญที่สุด หากมีระบบคมนาคมที่รวดเร็วจะทำให้เสมือนว่าอยู่ที่เดียวกัน เช่น รถไฟรางเบาที่ทำได้โดยไม่กระทบสิ่งแวดล้อม เงินอยู่ในโลกไปดึงมา อยู่ที่ผู้นำจะไปประมวลดึงการลงทุนทั้งไทยและเทศมาได้หรือไม่ ขออย่างเดียวทำให้เกิดได้ก็พอ
นายสมคิด กล่าวว่า ประการที่สอง ต้องใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการกระจายรายได้ ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับฐานราก สร้างความเท่าเทียมกัน อันดามันตอนพีคสูงสุดมีนักท่องเที่ยว 18 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่แถวชายหาด เราไม่มีไว้ให้ฝรั่งอาบแดดอย่างเดียว แต่เขาต้องการเห็นชีวิตวัฒนธรรม เห็นธรรมชาติ นี่คือแนวโน้มใหม่แน่นอน ชุมชนต้องได้รับการพัฒนา งบพัฒนาต้องไปให้ถึง ซึ่งในกองทุนสร้างอนาคตไทยมีส่วนหนึ่งที่ไว้สร้างอนาคต หมู่บ้านละ 300,000 บาท จะลงไปเพื่อให้แต่ละหมู่บ้านมีสิทธิ์คิดว่าจะเอาไปพัฒนาอะไรบ้าง ไม่ใช่มาจากส่วนกลาง เมืองไทยจริงๆ แล้วอะเมซิ่งมาก แต่มีกฎหมายที่เยอะมาก ระบบป้องกันคอร์รัปชั่นสร้างกฎหมายมาป้องกัน แต่กลายเป็นการมัดตราสังข์ เงินท้องถิ่นแท้ๆ แต่ทำอะไรไม่ได้ต้องไปขอกระทรวงมหาดไทย ซึ่งภาวะอย่างนี้เป็นภาวะที่ไม่ปกติ สภาวะผู้นำจำเป็นมาก ต้องกล้าคิดกล้าทำ และต้องเสียสละ
ทั้งนี้นายสมคิด ยังกล่าวอีกว่า ตนมี 3 เสาที่จำเป็นในการพัฒนาพื้นที่อันดามัน หนึ่ง คือ การเกษตรสมัยใหม่ที่มีมูลค่า ที่ต้องทำให้เป็นอาหารแห่งอนาคตและมีคุณภาพ สอง คือ การท่องเที่ยวด้านสุขภาพ โดยต้องมีความสามารถเชื่อมโยงทุกภาคส่วน ทั้งโรงพยาบาล แพทย์ และแหล่งท่องเที่ยว ที่จะแผ่อานิสงค์ได้มาก และสาม คือ ดิจิทัลฮับ ปัจจุบันบริษัทหรือองค์กรใหญ่สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ หากดึงมาตั้งศูนย์ที่ไทยได้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของสตาร์ทอัพ และแหล่งเงินสมัยใหม่ สิ่งเหล่านี้ ตนเชื่อว่า ไม่สามารถเกิดใต้อำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดได้ หากเราได้เข้าไปเป็นรัฐบาลได้ เราทำได้เลย เพราะไม่ใช่ของยาก หากอยากให้เขยื้อน ต้องกระจายอำนาจและงบประมาณจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่น ทั้งกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงคมนาคม เพราะส่วนกลางไม่รู้ว่าอะไรจำเป็นหรือไม่จำเป็น ภาคใต้ตนมองไปถึงด้ามขวานทั้งด้าม จึงต้องทำให้เกิดเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงกัน ปัญหาคือกลไกการเมือง อย่าไปโทษนายกฯ อย่างเดียว นายกฯ ต้องชี้นำ และทุบโต๊ะ โดยต้องมีทีมงานสนับสนุน
ในโอกาสนี้นายสมคิดยังกล่าวว่า ในอดีตเคยมาหาเสียงทางใต้ พบว่าเขามีความผูกพันจริง แต่ต้องเข้าใจที่มาความศรัทธานั้นมาจากไหน มันมาจากการเมืองของเขา เขาทำตามสัญญา เขามุ่งมั่น พรรคของเขาควบคุมวินัยของนักการเมืองได้จนเกิดเป็นความศรัทธาที่ผูกพัน และส่งมอบกันมารุ่นต่อรุ่น รุ่นแรกเขาบอกว่า แม้แต่ส่งเสาไฟฟ้ายังได้รับเลือกเลย อันนี้ไม่เถียงเลย ตนศรัทธาผู้ใหญ่ในพรรคนั้นหลายคน บางคนเป็นรุ่นพี่ที่เคารพนับถือ แต่พอส่งมารุ่นต่อรุ่น รุ่นหลังบางทีอาจจะเข้าใจไม่ถูกต้องที่ว่า ส่งเสาไฟฟ้านั้น จะได้อะไร มันไม่ใช่ มันมีที่มาที่ไป มันมีศรัทธา มันมีการผูกมัดทางใจ ทำตามสัญญา เวลาเดือดร้อนมาช่วยเหลือกัน แล้วดูสิว่ามีมั้ย หรือว่าเข้าใจผิด ตกลงเป็น ส.ส. หรือเสาไฟฟ้า ตนอายุมากแล้ว ฝากน้อง ๆ ไว้ สามารถติดต่อผู้นำพรรคได้ทุกเมื่อ สนใจเข้ามาเลย ไม่ต้องอาย ไม่ต้องเขิน ให้คนรุ่นใหม่เข้ามา พร้อมเชิญชวนให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานการเมือง เพราะจากที่เห็นหน่วยก้านของแต่ละคนแล้ว คิดว่าหากอยู่ในสภาฯ สามารถไปได้ไกล อย่าคิดมากเหมือนคนรุ่นเก่า ลงแล้วคุ้มหรือไม่คุ้ม ลงแล้วเสียหายหรือไม่ มันไม่ใช่ การเมืองมัน คือ ภารกิจและหน้าที่ ถ้าคุณพร้อมแล้ว มีเงินทองแล้ว ดูแลครอบครัวได้ดีแล้ว ที่เหลือต้องคืนให้สังคม มอสโต้ของตน คือ คุณค่าของคนไม่ได้วัดที่รวย ยศศักดิ์ หรือตำแหน่ง แต่อยู่ที่ว่าสามารถสร้างคุณค่าให้บ้านเมืองแค่ไหน