DSI ขึ้นยอดเขาค้นบ้านหรู พบศิษย์เอก “วัดธรรมกาย”
อธิบดี ดีเอสไอ นำทีมตรวจค้นบ้านพักตากอากาศหรู 2 หลังบนสันเขากลางป่าสงวนฯ พังงา พบเป็นของนายทุนผู้มีอิทธิพลนักค้าที่ดินภูเก็ต-พังงา มั่นใจเป็นการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ เตรียมขยายผลถึงเจ้าหน้าที่ ที่กระทำผิด และการข่าวระบุ “ธัมมชโย” อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายหลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ จากการตรวจค้นไม่พบหลักฐานธัมมชโย แต่พบว่ามีพระลูกศิษย์คนสนิท เป็นเจ้าของบ้าน
เมื่อบ่ายวันที่ 9 มิถุนายน 2560 เวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร และ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.มนตรี บุณยโยธิน ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ร่วมแถลงข่าว ผลการสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่จากกองพลทหารราบที่ 5 และกรมป่าไม้ นำหมายค้นของศาลจังหวัดพังงา เข้าตรวจค้นบ้านพักจำนวน 2 หลัง มีเนื้อที่ประมาณ 39 ไร่เศษ ซึ่งตั้งอยู่บนสันเขาในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าควรโต๊ะหลา และป่าแหลมซำ อยู่ในท้องที่ ต.คลองเตียน อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา
ทั้งนี้สืบเนื่องจากกระทรวงยุติธรรมได้รับการร้องเรียนจากเครือข่ายกลุ่มอันดามัน กรณีมีผู้มีอิทธิพลหลายกลุ่มได้บุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ จ.พังงา ในการนี้ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านอำนวยความยุติธรรม ในฐานะกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสืบสวนสอบสวน และจากการตรวจสอบเบื้องต้นปรากฏข้อเท็จจริง ดังนี้
1.พบว่ามีการปลูกสร้างบ้านพักขนาดใหญ่ จำนวน 2 หลัง ตั้งอยู่บนสันเขาที่เป็นเทือกเขาสูง สามารถมองเห็นเกาะภูเก็ต และอ่าวพังงา อยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าควนโต๊ะหลาและแหลมซำ ซึ่งประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติเมื่อปี 2527 โดยก่อนหน้านี้ประกาศเป็นป่าตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 พ.ย.2504 โดยมีการสร้างถนนส่วนบุคคล เชื่อมต่อจากเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1004 จำนวน 1 เส้นทาง ระยะทางประมาณ 2.8 กิโลเมตร เพื่อใช้เดินทางเข้าไปยังบ้านพัก
2.พบว่าบริเวณตัวบ้าน และบริเวณข้างเคียง เดิมมีการออกเอกสารสิทธิในที่ดินเป็น น.ส.3 ก เลขที่ 1281 แปลงเดียว เนื้อที่ 39 ไร่ ทับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าควรโต๊ะหลาฯ ครอบคลุมภูเขาทั้งลูก ต่อมาได้มีการแบ่งแยกเป็น 14 แปลงหลัก และได้มีการรวมแปลงและแบ่งแยกที่ดินออกไปอีกจำนวนหลายแปลง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นการออกโดยการเดินสำรวจในช่วงปี 2520 โดยไม่มีหลักฐานของที่ดินเดิม และอ้างว่าปลูกสวนผลไม้มาประมาณ 33 ปี ซึ่งจากการอ่านแปลวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศพบว่า ในปี พ.ศ.2510 และพ.ศ.2519 พื้นที่ดังกล่าวมีสภาพเป็นป่า 100% ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์ จึงเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ อีกทั้งกฎกระทรวงฉบับที่ 5 ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ห้ามออกเอกสารสิทธิในที่เขาหรือภูเขา และในเขตที่สงวนหวงห้ามของรัฐ การออก น.ส.3 ก ฉบับดังกล่าว จึงเป็นการออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้ที่ครอบครองจึงอยู่ในฐานะของผู้ที่บุกรุกที่ดินของรัฐ ป่า และป่าสงวนแห่งชาติ
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวว่า “จากการตรวจสอบเชื่อว่าเป็นการบุกรุก ยึดถือครอบครอง ทำประโยชน์ ก่อสร้างหรืออยู่อาศัย และออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ” ซึ่งเกิดจากกลุ่มผู้มีอิทธิพล นายทุน ตลอดจนเจ้าหน้าที่รัฐ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการออกเอกสารสิทธิ ในการสืบสวนทาง ดีเอสไอ จะขยายผลออกไปถึงเจ้าของที่แท้จริง และรวมถึงเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่กระทำผิด โดยในส่วนของผู้กระทำผิดที่ถือครองที่ดินรายนี้ เป็นนายทุนรายใหญ่ที่มีฐานะร่ำรวยในระดับต้นๆ ของจังหวัดภูเก็ต มีพฤติการณ์ในการบุกรุกที่ดินของรัฐในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และ จ.พังงา หลายแห่ง และร่ำรวยจากการค้าขายที่ดินผิดกฎหมาย มีคดีความอยู่กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทั้งที่อยู่ในชั้นศาลและอยู่ระหว่างดำเนินคดี ซึ่งทางดีเอไอ จะบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายและมาตรการด้านกฎหมายฟอกเงิน เข้าไปดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบกับบุคคลดังกล่าวต่อไป ซึ่งเรายืนยันว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะกล่าวหาเอาผิด
ส่วนกรณีการเข้าตรวจสอบบ้านทั้ง 2 หลังในพื้นที่ดังกล่าว จะเกี่ยวข้องกับคดีของวัดพระธรรมกายหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ในคดี วัดพระธรรมกาย ทางดีเอสไอ ได้ดำเนินการสืบสวนอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ตรวจค้นที่วัดแล้วไม่พบตัว หลังจากนั้นมีชุดสืบสวนติดตาม ทั้งในส่วนของดีเอสไอ ตำรวจแห่งชาติ และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันตลอดเวลา ช่วงที่ผ่านมามีข่าวหลายครั้งจากการแจ้งเบาะแสเข้ามา ที่ จ.พังงา ก็มีข่าวอยู่ส่วนหนึ่งเหมือนกันว่า อาจจะมาหลบอยู่ที่บ้านดุสิต จากการตรวจก็ไม่พบหลักฐานของธัมมชโย แต่พบว่ามีลูกศิษย์ของธัมมชโยย(คุณวรรณา อดีตภรรยาของเจ้าสัวบุญชัย) เป็นเจ้าของบ้านหลังนั้น ที่ซื้อที่ดินต่อมาจากนายทุนรายใหญ่คนหนึ่งในภูเก็ต
ทั้งนี้อธิบดี ดีเอสไอ ยอมรับว่า อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอาจไหวตัวทันและหลบหนีไปก่อนหน้านี้ ส่วนจะหลบหนีไปอยู่ที่ไหน เจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามต่อไปพร้อมยืนยันว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าติดตามตัวธัมมชโยอย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่ายังคงหลบซ่อนอยู่ภายในประเทศ เนื่องจากการตรวจสอบไปยัง ด่าน ตม.ทั่วประเทศ ยังไม่พบว่ามีการเดินทางออกนอกประเทศแต่อย่างใด และหลายครั้งที่มีข่าวว่าหลบหนีออกไปอยู่ต่างประเทศ ก็มีการตรวจสอบกับทางสถานทูต ก็มีการดำเนินการตรวจสอบในทุกด้านเช่นกัน