SATTE 2020 แนวโน้มนักท่องเที่ยวอินเดียคึกคัก สวนกระแสเศรษฐกิจขาลง
สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต (PTA) ภายในการสนับสนุนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) นำโดยนายสมคิด สุภาพ และ นายไกรวุฒิ คุ้มบ้าน สมาชิสภา อบจ.ภูเก็ต พร้อมด้วย นายสุกฤษ โกยอัครเดช อุปนายกฝ่ายการตลาดต่างประเทศ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต นำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตและสื่อมวลชน จำนวนกว่า 15 ราย เดินทางไปโรดโชว์ส่งเสริมการขายในงาน South Asia Travel and Tourism Exchange (SATTE) 2020 ซึ่งเป็นงาน B2B ด้านการเดินทางและท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียใต้ และจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในระหว่างวันที่ 8 – 10 มกราคม 2563 ณ India Expo Mart & Greater Noida กรุงนิวเดลี และ ในระหว่างวันที่ 13-14 มกราคม 2563 ณ เมืองโกลกัตตา และมุมไบ ประเทศอินเดีย
นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า สำหรับงานซาเต๊ะ เป็นงานส่งเสริมการขายในเมืองเดลี ประเทศอินเดีย เพื่อเป็นการพบปะและเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับอินเดีย เพื่อสร้างช่องทางการตลาด ในช่วงของการจัดงาน 2-3 วัน จะมีผู้ประกอบการเจรจาธุรกิจกันวันละเกือบหมื่นราย จึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการจะขยายตลาดและสร้างความสัมพันธ์ต่างๆ เพราะปัจจุบันอินเดียถือเป็นตลาดที่สำคัญของประเทศไทย โดยในปี 2562 มีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้ามาประเทศไทยประมาณ 1,950,000 คน โตจากปี 2561 กว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ทั้งจำนวนและรายได้ จึงถือเป็นตลาดที่มีคุณภาพและมีการเติบโตที่ดี ด้วยปัจจัยหลายอย่างโดยเฉพาะการเดินทาง เนื่องจากมีเที่ยวบินจากเมืองต่างๆของอินเดียมายังประเทศไทยถึง 13 เมือง มีจำนวนที่นั่งประมาณ 65,000 ที่นั่งต่อสัปดาห์ ด้วยศักยภาพของประเทศไทยที่เป็นศูนย์กลางในการเดินทางไปทั่วโลก ฉะนั้นแนวโน้มในอนาคตตลาดอินเดียยังมีอัตราการเติบโตที่ดี และเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการฝ่ายไทยที่ไม่น่าพลาดที่จะเข้าร่วมงานในการส่งเสริมการขายดังกล่าว นอกจากกิจกรรมโรดโชว์ และยังมีกิจกรรมเฟรมทริปต่างๆ รวมถึงโปรโมชั่นผ่าน TOA การทำโปรโมชั่นผ่านสายการบินหรือร่วมกับบริษัทนำเที่ยวในพื้นที่ของอินเดียตลอดทั้งปี จะทำให้โอกาสในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยของนักท่องเที่ยวอินเดียเดินเพิ่มมากขึ้น
ด้านนายสุกฤษ โกยอัครเดช อุปนายกฝ่ายการตลาดต่างประเทศ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การโรดโชว์ครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก เป็นการ Trade shows ณ เมืองนอยด้า ซึ่งเป็นเมืองบริวารของกรุงนิวเดลี ที่ India Expo Mart เป็นส่วนของ Exhibition หรือเป็น Trade shows จากนั้นจะเดินทางไปยังนครโกลกาตาและนครมุมไบ เพื่อเข้าร่วม Road Show เหตุผลที่เลือก 3 เมืองดังกล่าว เนื่องจากค่อนข้างครอบคลุมประเทศอินเดีย โดยกรุงนิวเดลี เป็นเมืองที่จัดงานซาเต๊ะ มีประชากรมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศและเป็นศูนย์รวมของราชการและธุรกิจ เมืองที่ 2 นครโกลกาตา ตามประวัติศาสตร์นอกจากจะเป็นเมืองหลวงเก่าแล้วยังจะเป็นเมืองหลวงของรัฐเบงกอลตะวันตก มีนัยยะความสำคัญด้านการค้าครอบคลุมฝั่งตะวันตก ส่วนเมืองสุดท้าย คือ เมืองมุมไบ นอกจาก มีสำนักงาน ททท.ประจำอยู่ที่นี่แล้ว ยังเป็นศูนย์กลางทางด้านการเงิน และมีประชากรมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศด้วย
“ เนื่องจากคนอินเดีย ชอบดื่มชอบทานและชอบสร้างสรรค์เฮฮา ดังนั้นจุดขายสำคัญของภูเก็ต คือ เราได้รับเลือกให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ทางด้านอาหาร หรือว่า Creative City Of Gastronomy ฉะนั้นเชื่อมั่นว่าจะสามารถตอบสนองความหลากหลายด้านอาหารให้กับคนอินเดียได้ นอกจากนี้เรามีห้องพักให้เลือกหลากหลายระดับราคา รวมทั้งยังมี Night light Entertainment ที่ขึ้นชื่อระดับโลก เช่น ป่าตอง กะตะกะรน เป็นต้น และประการสุดท้าย คือ วัฒนธรรมหรือเสน่ห์ของภูเก็ต ตลอดจนความสวยงามของหากทราย ปัจจุบันมีเที่ยวบินตรงมายังภูเก็ตจาก 3 เมือง คือ กรุงนิวเดลี นครมุมไบและนครโกลกาตา โดยสายการบิน Goair 3 เที่ยวบินต่อวัน มีผู้โดยสารเที่ยวบินละ ประมาณ 200 คน นอกจากนี้ยังมีสายการบิน Indigo ซึ่งเป็น Low cost carrier บินตรงจากกรุงนิวเดลีมายังจังหวัดภูเก็ต ฉะนั้นเชื่อมั่นว่าจะตอบสนองให้กับกลุ่มระดับกลางและครอบคลุมกลุ่ม FIT ที่สนใจที่จะเดินทางท่องเที่ยวเที่ยวด้วยตนเอง และหากเดินทางมาเป็นกรุ๊ปก็มีราคามิตรภาพและไม่แพง
ในส่วนของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโรดโชว์ในครั้งนี้ มีจำนวน 15 หน่วยงาน แบ่งเป็นโรมแรม ที่พัก 10 หน่วยงาน เป็น Excursion 3 หน่วยงาน เป็น night light cabaret 1 หน่วยงาน และเป็น DMC 1 หน่วยงาน นอกจากนี้ยังมาจากพัทยา จ.ชลบุรี 15 หน่วยงาน และที่เหลือจากจังหวัดอื่นๆ ประมาน 58 หน่วยงาน รวมผู้ประกอบการที่เดินทางมาครั้งนี้ 88 หน่วยงาน เทียบกับปีที่แล้วที่มีอยู่ประมาณ 60 หน่วยงาน ส่วนความคาดหวังในการร่วมงานครั้งนี้ซึ่งเป็นช่วงเศรษฐกิจขาลง คาดว่าอินเดียจะเป็นตลาดที่สำคัญในการเติมเต็มสินค้าและบริการในจังหวัดภูเก็ตทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ รวมทั้งจะมาส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจภูเก็ตให้เติบโตอย่างยั่งยืน นายสุกฤษ กล่าว
ทางด้านนายไกรวุฒิ คุ้มบ้าน สมาชิกสภาองค์การส่วนบริหารจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า อบจ.ภูเก็ต ได้สนับสนุนและจัดสรรงบประมาณในการเข้าร่วมงานโรดโชว์ต่างประเทศในหลายๆ ประเทศ ซึ่งการเดินทางมาประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีเมืองใหญ่และประชากรจำนวนมาก รวมทั้งมีมีความสนใจจังหวัดภูเก็ตอย่างมาก ดังนั้นการมาโรดโชว์ในครั้งนี้ จะได้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาแล้วขอให้เราทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี โดยเฉพาะการดูแลด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว เพราะจังหวัดภูเก็ตเราเป็นเหมือนกับไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ว่าจะสัญชาติใดมีความสุข สนุกสนานและได้ความปลอดภัยกลับบ้าน
ขณะที่ นายสมคิด สุภาพ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตก็ได้ กล่าวเสริมอีกว่า “องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตเองก็มีความพร้อมที่จะดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว และเราพร้อมในการเป็นเจ้าบ้านในการดูแลนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นในยุโรป อาเซียน รวมถึงอินเดีย ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องบินบินตรงมาทั้งจากนิวเดลีและมุมไบ จะเห็นว่าแต่ละเที่ยวบินจะมีชาวอินเดียค่อนข้างจะเต็มทุกเที่ยวบิน ในส่วนของความเป็นห่วงด้านความปลอดภัยนั้น เรามีทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่ช่วยกันดูแล ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัยทางท้องถนนหรือความปลอดภัยทางทะเล ซึ่งดำเนินการกันอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้น
ในส่วนของตัวแทนผู้ประกอบการโรงแรมนั้น นางสาวกรกกรณ์ พฤกษกิจ กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ The Vijitt Resort ได้มาโรดโชว์ที่ประเทศอินเดีย เนื่องจากมองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และพบว่าตัวเลขของนักท่องเที่ยวตลาดนี้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่นสได้รู้จักมากขึ้น และหลังจากนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวตลาดนี้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับนายอนุชา ตาเมืองใจ ผู้จัดการแผนกขายและการตลาด บริษัทไทเกอร์ คิงดอม จำกัด กล่าวว่า “Tiger Kingdom ได้มาโรดโชว์มากับสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเป็นครั้งแรก แต่ได้รับการตอบรับที่มาก และได้มีโอกาสพบปะพุดคุยกับลุกค้าและเอเจนซี่ทั้งรายเก่าและรายใหม่ ทำให้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากขึ้น และยังทำให้มีลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย