SHR เผยความสำเร็จ “SAii” ยอดจองพุ่ง หลังเปิดตัวรีสอร์ท 2 แห่งแรกในไทย
SHR เผยความสำเร็จ “SAii” ยอดจองพุ่ง
หลังเปิดตัวรีสอร์ท 2 แห่งแรกในไทย
“ทราย ลากูน่า ภูเก็ต” (SAii Laguna Phuket) และ “ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ” (SAii Phi Phi Island Village) ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ตั้งแต่เปิดตัวในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ผ่านการนำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวแนวใหม่ มัดใจ “InSAiiders” (อินทรายเดอร์) ทั้งไทยและชาวต่างชาติ
บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) (S Hotels & Resorts Public Company Limited: SHR) ผู้นำธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมและลงทุนในธุรกิจโรงแรมระดับนานาชาติสัญชาติไทย ในเครือของ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เผยความสำเร็จ “SAii” (ทราย) แบรนด์โรงแรมและรีสอร์ทไลฟ์สไตล์ระดับบน (Upper Upscale) ที่มีบุคลิกสนุกสนาน และมอบความอิสระให้กับนักเดินทางที่แสวงหาประสบการณ์การพักผ่อนรูปแบบใหม่ ๆ หลังจากเปิดตัว 2 รีสอร์ทแห่งแรกในประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้แก่ “ทราย ลากูน่า ภูเก็ต” (SAii Laguna Phuket) และ “ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ” (SAii Phi Phi Island Village) ต่างก็ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม โดยในเดือนมีนาคมและเมษายนนี้ มียอดจองล่วงหน้าสูงสุดนับตั้งแต่มีการระบาดของ โควิด-19 ทั่วโลก
2 รีสอร์ทใหม่ภายใต้แบรนด์ “SAii” หรือ “ทราย” ตั้งอยู่ริมทะเลภาคใต้ บนหาดที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของไทย มอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับนักเดินทางได้ค้นพบการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน บน 2 จุดหมายปลายทางบนเกาะที่น่าหลงใหลที่สุดในประเทศไทย เน้นตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย “InSAiiders” (อินทรายเดอร์) หรือ สาวกแบรนด์ “SAii” ที่มีหัวใจนักสำรวจ และรักในการแสวงหาประสบการณ์ใหม่ ๆ และการค้นพบอันน่าตื่นตาตื่นใจ สอดคล้องกับพฤติกรรมนักเดินทางรุ่นใหม่ยุคดิจิทัล ด้วยแนวคิดการบริการของ SAii ผู้เข้าพักจะได้รับความประทับใจตั้งแต่ “Hello” การต้อนรับแบบอบอุ่นสไตล์ไทย ไปจนถึง “Hub” ศูนย์รวมไลฟ์สไตล์และสังคม “Sleep” กับห้องพักที่สะดวกสบาย รวมถึงห้องสวีทและวิลล่า “Play” สะท้อนถึงกิจกรรมของรีสอร์ทอันหลากหลาย “Treat” นำเสนออาหารรสเลิศนานาชาติจากห้องอาหารหลากหลาย และ “Live” ที่จะช่วยเนรมิตงานแต่งงานหรืองานอีเวนต์สุดพิเศษไม่รู้ลืม ก่อนที่ “SAii For Now” กล่าวคำอำลาอย่างจริงใจจาก “SAiilanders” (ทรายแลนเดอร์) หรือพนักงานของ SAii
ก่อนเปิดให้บริการ รีสอร์ททั้ง 2 แห่งได้รับการปรับปรุงโฉมครั้งใหญ่ เพื่อนำเสนอนวัตกรรมการพักผ่อนที่โดดเด่นด้วยแนวคิดด้าน “สุขภาพ” (Wellness) และ “เอกลักษณ์ด้านอาหาร” (F&B) ประกอบด้วย “Mr Tomyam” (มิสเตอร์ต้มยำ) ให้บริการอาหารไทยแบบฟิวชั่น พร้อมครัวแบบเปิด และพื้นที่รับประทานอาหารกลางแจ้ง “Miss Olive Oyl” (มิสโอลีฟออยล์) ห้องอาหารและบาร์ เสิร์ฟอาหารทะเลปิ้งย่างสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน และ “Lèn Be Well” (เล่นบีเวล) กิจกรรมที่จะสร้างแรงบันดาลใจในการดูแลสุขภาพและการเป็นอยู่ที่ดี และ M.I.Y Aroma Lab ที่จะมอบประสบการณ์เลือกผสมเครื่องหอมที่ใช้ระหว่างการเข้าพักด้วยตนเอง (bathroom amenities) จากแบรนด์ นอกจากนั้น “ทราย ลากูน่า ภูเก็ต” และ “ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ” ยังเต็มไปด้วยมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ และวิวธรรมชาติที่สวยจับใจสำหรับสาวกอินสตาแกรม (Instagram)
SAii นอกจากจะหมายถึง “ทราย” แล้ว ยังหมายถึง “สาย” หรือ “เส้นทาง” ที่นำไปสู่ไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพราะหัวใจหลักของการดำเนินงานทุกด้านของแบรนด์ทราย และแบรนด์อื่น ๆ ของ SHR นั้น ยังมุ่งเน้นเรื่องการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ตั้งแต่เรื่องการใช้พลังงาน การลดขยะ ไปจนถึงการรีไซเคิล ความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึง “ศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล” (Marine Discovery Centre) ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตทางทะเลแบบ Interactive และมีสถานที่รองรับกิจกรรมที่หลากหลาย รวมถึงการขยายพันธุ์ปะการัง การเพาะพันธุ์ และการปล่อยพันธุ์สัตว์ทะเลพื้นเมือง การทัศนศึกษาเชิงนิเวศ และการเยี่ยมชมเพื่อการศึกษาจากโรงเรียนในพื้นที่ ปัจจุบันให้บริการที่ “ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ” และ “ทราย ลากูน มัลดีฟส์” (SAii Lagoon Maldives) นำโดยนักชีววิทยาทางทะเลประจำถิ่น ภายในศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล ยังประกอบด้วยพื้นที่จัดนิทรรศการในร่มและกลางแจ้ง ห้องวิดีโอ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซึ่งเป็นเสมือนหน้าต่างที่น่าตื่นตาตื่นใจของโลกใต้ทะเล
ปัจจุบันนักเดินทางจำนวนมากกำลังมองหาการพักผ่อนแบบมีการเว้นระยะห่างทางสังคมและจุดสัมผัสทางกายภาพน้อยลง ดังนั้น แอปพลิเคชัน SAii จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ inSAiider ไม่ว่าจะเป็นบริการใด ๆ ในห้องพัก สั่งอาหารไปรับประทานที่ห้อง (Room Service) การจองทริปท่องเที่ยวผ่านแอปพลิเคชั่น รวมทั้งสามารถแชทกับทีม “SAillanders” ของรีสอร์ทได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เพียงแต่รีสอร์ททั้งสองแห่งจะเป็นผู้นำคู่แข่งในแง่ของส่วนแบ่งการตลาดเท่านั้น แต่ผลตอบรับของลูกค้าก็เป็นบวกเกือบทั้งหมด ตัวอย่างเช่น Lumule ผู้ใช้ TripAdvisor ซึ่งเคยไปพักที่ “ทราย ลากูน่า ภูเก็ต” ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ได้ชื่นชมที่นี่ว่า “เป็นรีสอร์ทที่น่าตื่นตาตื่นใจในทำเลที่สมบูรณ์แบบ” ในขณะที่ผู้ใช้ชื่อ Phuket Girl ได้ยกย่องว่า “พนักงานเป็นมิตรและให้การบริการอย่างดี” และ “ชายหาดสวยงามที่สุด” ด้าน Ben A. รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับ “การบริการที่ยอดเยี่ยม อาหารรสเลิศ และกิจกรรมหลากหลายของรีสอร์ท” “อยากจะแนะนำเพื่อน ๆ ให้มาเที่ยวที่นี่อย่างแน่นอน รวมถึงตัวเขาจะกลับมาใหม่อีกด้วย”
“ทราย ลากูน่า ภูเก็ต” และ “ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ” ได้รับคะแนน TripAdvisor ที่ 4.5 จาก 5 คะแนน และบทวิจารณ์ในเชิงบวกแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ผู้เข้าพักที่รีสอร์ทได้รับประสบการณ์ “SAiisational” ที่พึงพอใจ นั่นหมายถึง SAii สามารถตอบสนองต่อตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นปัจจัยความสำเร็จของ SAii ในฐานะแบรนด์สัญชาติไทยแท้ ที่มีองค์ประกอบแบรนด์ที่ให้ความรู้สึกถึงความเป็นไทยอย่างแท้จริง เช่น ความสนุกสนาน เป็นมิตร และมีชีวิตชีวา ทั้งนี้ ในช่วงที่มีการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ SHR ได้กำหนดเป้าหมายไปที่ตลาดไทย นักท่องเที่ยวชาวไทยและผู้อาศัยอยู่ในประเทศไทย (Expat) โดย 90% ของผู้เข้าพักที่ ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ เป็นคนไทย ในขณะที่ชาวต่างชาติในไทย (expat) คิดเป็น 70% ของการจองที่ ทราย ลากูน่า ภูเก็ต
ทั้งนี้ SHR ยังคงมองหาโอกาสในการขายต่อเนื่องให้กับ 2 รีสอร์ทนี้ โดยเน้นช่องทางเว็บไซต์และแพลตฟอร์มการจองห้องพักใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งช่วยผลักดันให้เกิดการจองโดยตรงกับทางโรงแรมมากขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในและการจัดการรายได้ และการขายในช่องทางต่าง ๆ ของรีสอร์ทแบรนด์ SAii ทั้งสองแห่งนี้
“ทราย ลากูน่า ภูเก็ต” และ “ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ” เป็นรีสอร์ทที่เปิดตัวตามมาหลังจากการเปิดตัวแห่งแรกที่ “ทราย ลากูน มัลดีฟส์” เมื่อปี 2562 ตั้งอยู่ภายในพื้นที่โครงการ “ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์” (CROSSROADS Maldives) จุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนและไลฟ์สไตล์ที่ครบวงจรแห่งแรกในมัลดีฟส์ของ “สิงห์ เอสเตท” สถานที่พักผ่อนอันเงียบสงบแห่งนี้ได้รับรางวัล Travellers ’Choice Award ของ TripAdvisor ในปี 2020 ในขณะที่ร้านอาหาร Miss Olive Oyl และ Lèn Be Well spa ได้รับรางวัล World Luxury Restaurant Awards ประจำปี 2020 และรางวัล World Luxury Spa Awards ตามลำดับ โดยเปิดให้บริการแล้วที่รีสอร์ท SAii ในประเทศไทย
เดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ (Dirk De Cuyper) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่รีสอร์ท 2 แห่งแรกแบรนด์ SAii ได้รับการตอบรับอย่างดี นั่นหมายความถึงแบรนด์นี้ได้อยู่ในใจของกลุ่มชาวไทยและผู้อาศัยอยู่ในประเทศไทยแล้ว เราขอขอบคุณอย่างมากสำหรับการสนับสนุน คำชื่นชมต่อ 2 รีสอร์ทแห่งใหม่ รวมถึงความนิยมของ ทราย ลากูน มัลดีฟส์ ทำให้เรามีความมั่นใจอย่างมากในอนาคต เราหวังว่า เมื่อเปิดประเทศอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ นักเดินทางจากต่างประเทศจำนวนมากขึ้นจะได้สัมผัสกับการต้อนรับแบบไทยที่อบอุ่นที่ SAii นอกจากนั้น เรากำลังมองหาโอกาสในการขยายไปสู่จุดหมายปลายทางใหม่ ๆ และเป็นที่ต้องการอย่างมากทั่วโลกอีกด้วย”
การเปิดตัวรีสอร์ทแบรนด์ “SAii” สองแห่งแรกของไทยนั้น เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเติบโตที่น่าตื่นเต้นของ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) (S Hotels & Resorts Public Company Limited: SHR) บริษัทในเครือของ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) โดยหัวใจสำคัญของกลยุทธ์การเติบโตของ SHR คือการปั้นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ได้แก่ “SAii” (ทราย) และ “nābor” (เนเบอร์) แบรนด์โรงแรมและรีสอร์ทระดับกลางที่คุณภาพเทียบเท่าระดับลักชัวรี่ (Luxury Midscale) ใหม่ล่าสุด ปัจจุบัน SHR ประกอบด้วยโรงแรมและรีสอร์ท 39 แห่งใน 3 ทวีป รวมกว่า 4,600 ห้อง โดย SHR มีเป้าหมายที่จะเพิ่มพอร์ตการลงทุนเป็น 2 เท่าภายในปี 2568