Miss Grand Thailand 2018 เข้าเยี่ยมชมและทำกิจกรรม ณ โชว์รูมภูเก็ตเพิร์ลกรุ๊ป พร้อมเปิดตัว “Phoneix Of Phuket” มงกุฎเกียรติยศประจำตำแหน่ง “ขวัญใจภูเก็ต Miss Grand Thailand 2018”
เมื่อวันที่ 2 ก.ค.61 เวลา 09.30 น. ณ โชว์รูมภูเก็ตเพิร์ลกรุ๊ป อ.เมืองภูเก็ต นายอมร อินทรเจริญ ประธานกรรมการบริหาร ภูเก็ตเพิร์ลกรุ๊ป น.ส.รัตติกรณ์ อินทรเจริญ กรรมการบริหาร ภูเก็ตเพิร์ลกรุ๊ป นายศรัณย์ สมรักษ์ กรรมการบริหาร ภูเก็ตเพิร์ลกรุ๊ป ดร.ธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย อดีตสว.ภูเก็ต นายมนู เขียวคราม สจ.ภูเก็ต นายปรีชา ใจอาจ และพนักงาน สื่อมวลชน ให้การต้อนรับคณะกองประกวด Miss Grand Thailand 2018 ในโอกาสที่นำมิสแกรนด์จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ เดินทางมาเยี่ยมชมและร่วมทำกิจกรรม พร้อมนำชมและบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการเพาะเลี้ยงไข่มุก รวมถึงวิธีการดูมุกที่เป็นของแท้ และนำเยี่ยมชมโชว์รูมของภูเก็ตเพิร์ลกรุ๊ป
นายศรัณย์ สมรักษ์ กรรมการบริหาร ภูเก็ตเพิร์ลกรุ๊ป กล่าวว่า วันนี้ผู้เข้าประกวด Miss Grand Thailand 2018 ทั้ง 77 จังหวัด ได้เข้ามาเยี่ยมชมที่โรงงานคัดแยกและเจียระไนไข่มุก ของภูเก็ตเพิร์ลกรุ๊ป เพื่อมาเรียนรู้กระบวนการเพาะเลี้ยงไข่มุก การคัดแยกไข่มุก รวมไปถึงการขึ้นตัวเรือน รวมทั้งการชมโชว์รูมของภูเก็ตเพิร์ลกรุ๊ปด้วย ซึ่งผู้เข้าร่วมประกวดต่างให้สนใจในตัวผลิตภัณฑ์และสนใจเรียนรู้ในกระบวนการเพาะเลี้ยงไข่มุก โดยจุดเด่นของบริษัทฯ คือมีการเพาะเลี้ยงและมีโรงงานแปรรูปในการทำไข่มุกแบบครบวงจร และได้รับการการันตีคุณภาพจาก ISO พร้อมรางวัลต่าง ๆ อีกจำนวนมาก และที่สำคัญในวันนี้ ได้ถือโอกาสเปิดตัวมงกุฎไข่มุกประจำตำแหน่ง “ขวัญใจชาวภูเก็ต” บนเวที Miss Grand Thailand 2018 นั่นก็คือ “Phoenix of Phuket” ซึ่งผู้ออกแบบได้นำลวดลายหลักบนมงกุฎ Phoenix of Andaman มาประยุกต์และปรับเปลี่ยนลวดลายให้สง่างามและโฉบเฉี่ยวเพิ่มมากยิ่งขึ้นบนมงกฎชิ้นนี้ รวมถึงสร้างความโดดเด่นด้วย ไข่มุกบลู โอเชี่ยน ให้เป็นจุดเด่นของมงกุฏ จนออกมาเป็น “Phoenix of Phuket” โดยมงกุฎชิ้นนี้มี มูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2 แสนกว่าบาท
นอกจากนี้ นายศรัณย์ สมรักษ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า การที่คณะผู้เข้าร่วมประกวด Miss Grand Thailand 2018 มาทำการเก็บตัวที่จังหวัดภูเก็ต จะเป็นผลดีต่อการส่งเสริม ทางด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ให้ชาวไทยและชาวต่างชาติได้รู้จักเพิ่มมากขึ้น ทั้งในเรื่องของอาหาร ซึ่งจังหวัดภูเก็ต ได้รับการประกาศจากยูเนสโก ให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ทางด้านวิทยาการอาหาร หรือ City of Gastronomy รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ตด้วย
นอกจากนี้ นายอมร อินทรเจริญ ประธานกรรมการบริหาร ภูเก็ตเพิร์ลกรุ๊ป ยังได้กล่าวถึง สถานการณ์คืบหน้าของบริษัท ซึ่งสถานการณ์ ณ ปัจจุบันนี้ จะเน้นไปทางรีเสิร์ช เน้นไปทางการพัฒนาในเชิงลึก ไม่ได้หยุดอยู่แค่ผลิตภัณฑ์มุกอย่างเดียว เราจะลงลึกไปถึงคอสเมติก ตอนนี้เราเริ่มมีงานวิจัย 2-3 ตัว ร่วมกับมหาวิทยาลัยหลายๆ ที่ มีการต่อยอด และกำลังเริ่มศึกษาเอาเนื้อเยื่อมาและดูว่ามีความ Sensitive กับผิวพรรณอย่างไรบ้าง เหมือนกับเมือกมันเนื้อเยื่อ ซึ่งได้มีการปรึกษากับอาจารย์ มอ. อาจารย์ของมหาลัยแม่ฟ้าหลวง และเจตนาที่ไปร่วมกับมหาลัยแม่ฟ้าหลวงก็ตั้งใจให้มีการเอาเกี่ยวกับพืชพันธุ์มาบ้าง ซึ่งมีส่วนผสมเกี่ยวข้องกันกับทางทะเล โดยระยะเวลาในการศึกษาข้อมูลที่ผ่านมาคาดว่าจะใช้เวลาไม่น่าจะเกินกลางปีหน้าจะมีอะไรออกมาให้ชม สำหรับ นวัตกรรมตัวนี้ซึ่งเป็นตัวแรกที่จะออกมาคิดว่าเป็นครีมบำรุงผิว น่าจะออกมาก่อนและก็อาจจะตามมาด้วยเซรั่ม เราก็จะเจาะลึกกันในเรื่องของหอยมุกเลย ก็อาจจะไปเกี่ยวข้องกันกับในเรื่องของสาหร่ายด้วย เราพยายามที่จะเอาพืชมาผสมกับหอยแล้วออกมาเป็นโปรดักส์อะไรที่มันเหมาะสม เพื่อจะดึงสินค้าจากภาคเหนือ ภาคอีสาน ดึงสินค้าจากพื้นฐาน มาลงข้อมูลในเชิงลึกไม่ใช่เก็บที่ผลผลิตอย่างเดียว เหมือนที่ภาครัฐบอกว่าต้องทำอะไรที่เชิงลึกไปกว่านี้ ซึ่งการผลิตเพื่อออกมาจำหน่ายมันเป็นเรื่องที่คนไทยเราทำได้อยู่แล้ว
นอกจากนี้ เราต้องลงลึกถึงโมเลกุล เซลล์ ถึงกระบวนการณ์ที่จะกำเนิดในแต่ละส่วน การที่จะเป็นตัวอ่อนเป็นยังไง การใช้ตัวอ่อนเป็นประโยชน์อะไรได้บ้างอย่างตอนนี้เราก็จะเห็นแพลงตอนมาใช้ประโยชน์ได้อะไรหลายๆตัว ที่นี้ถ้าเราลงลึกให้มันมีผลรีเสิร์ชก่อนดีกว่า แล้วค่อยเอามานำเสนอ ถ้าผลตรวจนี้ยังไม่ชัดเจนมันก็เหมือนตอนนี้ที่เป็นข่าวออกมาเยอะแยะ แล้วสุดท้ายก็มีปัญหาเราถึงต้องเอาข้อมูลตรงนี้ออกมาก่อน ของต่างประเทศอาจจะมีการเอามุกมาทำได้อยู่แล้ว แต่ในประเทศไทยเราจะเอาหอยมุกมาเป็นศูนย์กลางของประเทศไทยถือว่าเป็นครั้งแรกของไทยเลยก็ว่าได้ ตอนนี้มีการร่วมมือกันแล้วซึ่งสามารถติดตามได้จากเฟสบุ๊คเราได้เลย เริ่มต้นการทำงานแล้วเบื้องต้นมีการทรานส์เฟอร์ด้วยการเอาเมือกหอยไปที่มหาลัยแล้วเริ่มต้นการวิจัยอยู่อย่างต่อเนื่อง เราจะใช้ผลรีเสิร์ชเป็นตัวตั้งจะไม่มีการผลิตออกมาแบบลอยๆคิดว่าใช้เวลาอีกไม่นานอย่างแน่นอน
นายอมร ยังกล่าวต่ออีกว่า สำหรับแผนในอนาคตจะจัดจ้างเขาผลิตหรือเราจะตั้งบริษัทเอง เราคงต้องดูก่อนว่าเราจะมีพาสเนอร์ที่เกี่ยวข้องมาเพิ่มไหม เพราะตอนนี้เรามีพาสเนอร์ที่พร้อมจะร่วมกับเราแล้ว 2-3 เจ้า ที่เขายินดีร่วมมือกับเรา ซึ่งเราก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอย่างเป็นทางการ เพราะว่า 1 จุดแข็งของเรา คือเรื่องหอยมุกเราถือเป็นอันดับ 1 อยู่แล้ว คือ กล้าพูดได้เต็มปาก อย่างน้อยเราก็ได้อัตลักษณ์ของภูเก็ตแล้ว 1 อย่าง ถ้าพูดตอนนี้เราเป็นรายเดียวในประเทศไทยที่ได้มาตรฐานตามที่เขาต้องการ
ในส่วนทางด้าน ตลาดมุกตอนนี้เรียกได้ว่า ทรงตัว ตอนนี้เราอยู่ในตลาดใหญ่ คือ ตลาดจีนนักท่องเที่ยวจีนจะนิยมบริโภคกับการดูแลผิวพรรณ ส่วนโซนที่เริ่มสนใจ คือ ยุโรป รัสเซีย ซึ่งกลุ่มนี้เขากำลังฟื้นตัวไปได้สวย น่าจะไม่มีปัญหาในระยะยาว และคิดว่าภูเก็ตน่าจะเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวในระดับอาเซียนอย่างแน่นอน ถ้าในเรื่องที่ห่วงตอนนี้ คือ กลัวเรื่องเดียวว่านักท่องเที่ยวที่มาจ.ภูเก็ต จะเดินทางไปเที่ยวที่อื่นต่อ
ส่วนแผนของเราในอนาคต คือการทำเรื่องการจัดประกวดจิวเวอรี่ที่จะใช้ไข่มุก ซึ่งแผนตรงนี้ได้ทำไว้เรียบร้อยแล้ว จะเริ่มการแข่งขันในช่วงปลายของไฮซีซั่นหน้า ก็จะเริ่มในเรื่องของการประกวดช่วง (ประมาณ เม.ย.-พ.ค.62 ปีหน้า) เราจะเริ่มจัดการประกวด โดยมีการจัดประกวดมอบรางวัล และก็จะพาเที่ยวโดยหาผู้เข้าประกวดจากทั่วประเทศไทย ซึ่งเหตุผลที่จัดการประกวดจิวเวอรี่ คือ อยากเห็นไอเดียของคนรุ่นใหม่ แล้วเห็นไข่มุกที่คู่กับงานดีไซน์ เราก็จะตั้งต้นตรงนี้กับมหาลัยคาดว่าจะไปด้วยกันได้
ทางด้าน เรื่องของวัตถุดิบเรามีความพร้อมอยู่แล้ว ในแง่ของการตลาด เราโชคดีที่เราอยู่ภูเก็ตและเราโชคดีที่เราเป็น 1 เดียวในอุตสาหกรรมไข่มุกที่มาถึงจุดนี้ เราก็ต้องสร้างความยั่งยืนว่าให้มั่นคงได้อย่างไร ซึ่งในการประกวดครั้งนี้จะเป็นการจำกัด ประเภทบุคคลทั่วไป ตลอดจนถึงอนุบาล เราต้องการไอเดียที่ไร้ขอบเขตของเขาแต่ละช่วง เริ่มไปในระดับมัธยมศึกษา จนถึงระดับอุดมศึกษา ก็จะจำกัดไว้ประมาณนี้ก่อน มีการเปิดรับสมัครแบบโอเพ่นท์ไปก่อน แล้วจะมีการคัดเลือกหลังจากนั้นอีกครั้ง หลังจากนั้นจะเป็นการจัดทริปให้เขาไปดูว่าภูเก็ตมีอะไรบ้าง ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ทางด้านการท่องเที่ยวไปในตัว เราก็จะได้ประโยชน์ร่วมกันและก็คงไม่ทำแต่เราเพียงอย่างเดียว ตรงนี้คงใช้ประโยชน์ร่วมกันในการประชาสัมพันธ์ให้กับจังหวัดภูเก็ตอีกด้วย
สำหรับในฐานะนักธุรกิจท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จทางด้านผลิตภัณฑ์หอยมุก จึงอยากจะฝากให้ อดทน อดทนอย่างเดียว เพราะทุกอย่างมีทั้งบวกและลบ ไม่มีสิ่งที่ดีที่สุดและสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ทุกอย่างไม่มีอะไรที่สุด ทุกอย่างไม่มีคำว่าสิ้นสุดด้วย มันต้องมีอะไรที่พาเราไปเรื่อยๆ แล้วก็อย่าวางแผนระยะยาวมากเกินไป เพราะการวางแผนระยะยาวมากเกินไป ไม่ได้ช่วยบอกถึงความสำเร็จ เพราะเราก็เห็นอยู่วันนี้กับพรุ่งนี้ยังเปลี่ยนแปลงได้และให้ดูภาพเหมือนที่เราดูตลาดหุ้น ดูวันนี้ พรุ่งนี้อาจจะไม่ใช่ เพราะฉะนั้นอยู่กับปัจจุบันให้มาก แล้วก็ดำเนินชีวิตวันนี้พรุ่งนี้ให้ดีที่สุดรักษาวันนี้ให้ดีพรุ่งนี้ก็จะดีขึ้นเอง นายอมร ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ในที่สุด